ภายในมิติอันมืดมน หญิงสาวที่มีหางงูกำลังจ้องหน้าจอตาไม่กะพริบ
ผิวหนังท่อนบนของหญิงสาวขาวเกลี้ยงเกลาดุจหยก แต่หางงูกลับดำทะมึน ดวงตาสีนิลสุกใสแวววาว
“อืม ค่าความเข้มข้นของปราณสงครามลดลงร้อยละหนึ่งส่วนหนึ่งหมื่น ค่าความขลังเพิ่มขึ้นร้อยละศูนย์จุดหนึ่ง…”
เสียงของหญิงสาวนุ่มนวล วงล้อสีทองแดงด้านหน้ากำลังหมุน พลังที่แฝงด้วยกฎเกณฑ์กำลังแผ่ซ่าน ปกคลุมไปทั่วแผ่นดินอย่างไม่มีสิ้นสุด
บุรุษผมสีมรกตที่มีหางงูอีกคนเดินเข้ามา เขาค้อมตัวอย่างนอบน้อม “นายหญิง จัดการการทดสอบเรียบร้อยแล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ “คาดหวังในพฤติกรรมของพวกเขาเหลือเกิน”
จากนั้นหน้าจอก็ฉายภาพสิบภาพที่แตกต่างกันไป
“เอ๊ะ ทำไมการทดสอบของน้องไป๋ถึงได้ง่ายปานนี้เล่า” หญิงสาวขมวดคิ้ว
“ท่านบอกว่าการแบ่งระดับความยากตามระดับพลังยุทธ์ ตอนนี้นายหญิงไป๋อยู่ในระดับกายแห่งมรรคขั้นเจ็ดเท่านั้น ถึงได้จัดให้อยู่ในระดับทั่วไป…” ชายผมเขียวสะดุ้งโหยง รีบชี้แจงเป็นพัลวัน
“เจ้าตาบอดหรือไง ไม่เห็นหรือว่าเสี่ยวชิงอยู่นั่นด้วยน่ะ! ไม่รู้จักวางค่ายกลผนึกสักอัน ผนึกพลังของเสี่ยวชิงหรืออย่างไร” หญิงสาวถลึงตาใส่ชายผมเขียว ดวงตาดำขลับลึกล้ำเป็นเหมือนวังวนที่ดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง ประหนึ่งจะเขมือบชายหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น
ชายผมเขียวสะดุ้งโหยง เช็ดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผาก รีบตอบทันควันว่า “ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
พญางูขาวมาที่นี่เพื่อรับมรดกไม่ใช่หรือ
ชายผมเขียวคาดไม่ถึงว่า พญางูนิลจะให้ความสำคัญกับบททดสอบของพญางูขาวถึงเพียงนี้ เขาลอบเปิดทางลัดให้พญางูขาวอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะทำพญางูนิลโมโหเสียแล้ว…
เพิ่งสิ้นเสียงของชายผมเขียว จู่ๆ หน้าจอก็ส่งเสียงดังว่า
“ยินดีด้วย! การทดสอบของเผ่าพันธุ์ภูตงูสำเร็จลุล่วง!”
ในบึงที่ชื้นแฉะ พิษสีรุ้งแผ่กระจายไปทั่ว
งูหลามสีรุ้งนับร้อยตัวเลื้อยเกลื่อนกลาดบนพื้น ปีศาจงูที่ลำตัวเป็นมนุษย์สามตนแลบลิ้น เลือดไหลออกจากมุมปากหยดกระทบพื้น
จักรพรรดินีปี้ฉงสวมชุดสีมรกต ยืนอยู่ใจกลางด้วยสีหน้าเย้ยหยัน งดงามบรรยง อหังการไร้เทียมทาน
พญางูนิลจ้องหน้าจอเงียบๆ
ชายผมเขียว “…”
สัญชาตญาณบอกเขาว่า นี่เป็นความสงบก่อนมรสุมจะมาเยือน
แสงรูปหัวใจสีขาวลอยลงจากฟากฟ้า ซึมหายไปตรงหว่างคิ้วของพญางูขาวช้าๆ
แสงนั่นแฝงด้วยวรยุทธ์แก่นแท้และประสบการณ์อันสูงส่งของเผ่าพันธุ์ภูตงู
“โอ้โฮ เสี่ยวชิงสุดยอดไปเลย ข้ารักเจ้าที่สุด!” พญางูขาวกระโดดกอดจักรพรรดินีปี้ฉงราวกับเป็นเด็กๆ รอยยิ้มงดงาม เหมือนน้องสาวที่ออดอ้อนพี่สาวที่รักใคร่สนิทสนมกัน
ปี้ฉงลูบหัวพญางูขาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
ชั่วขณะที่พญางูขาวจ้องหน้าจอเงียบๆ อยู่นั้น ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ยินดีด้วย การทดสอบของเผ่าพันธุ์ภูตมัจฉาสำเร็จลุล่วง”
ท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชน เถียนหลิงหลิงที่มีผมสั้นสีมารูนเป็นลอนเบิกตากว้าง พูดเสียงเกรี้ยวว่า “ท่านลุง รบกวนช่วยดูคนในเวลาที่จุดไฟหน่อย ผมของฉันไหม้เกรียมหมดแล้ว!”
จักรพรรดิจื่อหยางเหลือบมองโลลิน้อยข้างกายแวบหนึ่ง มือกำหนวดปลาหมึกขนาดใหญ่ กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย พูดจาฟังไม่ได้ศัพท์ว่า “พอแล้ว ได้เปรียบแล้วยังจะอวดเก่งอีก เห็นแสงสีเขียวบนหัวเจ้าหรือไม่ รีบรับมรดกเสียสิ!”
เถียนหลิงหลิงจึงได้มรดกของเผ่าพันธุ์ภูตมัจฉามาครองด้วยเหตุนี้เอง
ชายผมเขียวลอบกลืนน้ำลาย ในใจกระสับกระส่าย หันหน้ามองหญิงข้างกายเล็กน้อย
“สมองเป็นของที่ดี ข้าหวังว่าเจ้าจะมี” พญางูนิลยิ้ม
หากการผ่านการทดสอบของพญางูขาวเป็นเพราะชายผมเขียวคำนึงถึงสถานะของนาง แล้วเถียนหลิงหลิงมันเรื่องอะไรกัน โลลิกายแห่งมรรคขั้นสิบคนนี้ไม่ทำอะไรเลย แค่แอ๊บแบ๊วก็ผ่านการทดสอบแล้วงั้นหรือ
สุสานแห่งนี้ไม่ใช่องค์กรการกุศลที่มีหน้าที่มอบมรดกให้หรอกนะ ชายคนนั้นเป็นผู้ดูแลการทดสอบ ทำให้การทดสอบอยู่ในสภาพนี้ ยืนยันได้เพียงอย่างเดียวว่า เขาโง่เง่า!
ชายผมเขียวเหงื่อซึม เขาไม่ได้วางแผนรับมือกับจักรพรรดิสงครามคนนั้นล่วงหน้าจริง จึงคุกเข่ากับพื้นเป็นฝ่ายยอมรับผิดทันที “นายหญิงโปรดเมตตา ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก!”
พญางูนิลไม่พูดอะไร นัยน์ตาจับจ้องหน้าจอตลอดเวลา
ชายผมเขียวก็ไม่กล้าลุกขึ้น เขาคุกเข่ามองหน้าจออยู่อย่างนั้น หวังว่าการทดสอบต่อไปจะน่าดูชมสักหน่อย
อันหลินมาถึงหินลอยฟ้าอันใหญ่โตโอฬาร รอบข้างมืดสนิท มีเพียงแสงดาวระยับบนม่านฟ้าช่วยให้ที่นี่ไม่มืดมนอย่างสิ้นเชิง
“ตรวจสอบพบว่าผู้ทดสอบอยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย เปิดโหมดยาก”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม