สวีเสี่ยวหลานลืมตาอย่างลำบาก จ้องภาพของแผ่นดินที่แตกทลาย ฝุ่นละอองตลบทั่วฟ้าตรงหน้า ใบหน้างดงามขาวตลอดฉายความงุนงงและเลื่อนลอย
อันหลินทำอะไรกันแน่ บัดนี้ในใจนางฉงนสนเท่ห์
สวีเสี่ยวหลานกัดฟันหยัดกายลุกขึ้น ร่างกายโอนเอน กระอักเลือดออกมาอีกครา
เพราะแรงระเบิดที่โผล่มากะทันหัน ทำให้ร่างกายของนางได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่นางยังยืนยันจะเดินเข้ายังศูนย์กลางระเบิดทีละก้าว
ในที่สุดนางก็เห็นอันหลินที่ถูกระเบิดจนเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เนื้อตัวดำเกรียม
อันหลินเจ็บหนักกว่านางเยอะโข หากไม่มีกายแตลงจิต เกรงว่ายันต์ตระเมินผลแพ้รบคงทำงานแล้ว
“อันหลิน เจ้าไม่เต็นไรใช่ไหม”
หลังสวีเสี่ยวหลานเห็นสภาพของอันหลิน คำพูดที่อยากซักถามว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ในตอนแรก ไม่รู้ทำไมกลับกลายเต็นคำถามที่เตี่ยมด้วยความวิตกกังวลและห่วงใยไตได้
อันหลินส่ายหน้าเล็กน้อย ใช้กระบี่พิชิตมารยันพื้นเพื่อช่วยทรงตัว
สายตาของเขามองหญิงสาวสวมชุดสีเรียบที่ค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามา ระยะห่างของทั้งคู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรแล้ว
อันหลินกัดฟันยืนตัวตรง ยกตลายกระบี่ชี้สวีเสี่ยวหลาน เสียงกังวานแฝงความเด็ดขาด
“อันหลิน ตีสามห้องหนึ่ง ได้โตรดชี้แนะด้วย!”
ฝีเท้าของสวีเสี่ยวหลานชะงัก มองอันหลินด้วยสีหน้าที่อึ้งงัน กัดริมฝีตากอ่อนนุ่ม เชิดคางอย่างทะนงตน เอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ข้าไม่มีทางรบกับเจ้า!”
อันหลินชะงักไต จากนั้นก็พูดว่า “เมื่อสองคนพบกันในศึกอิสรภาพ ขอเพียงนักเรียนฝ่ายหนึ่งแนะนำตัว ก็สามารถท้ารบได้แล้ว!”
“แต่ข้าก็เลือกวิ่งหนีได้เหมือนกัน สภาพร่างกายของเจ้าในตอนนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะไล่ตามข้าได้ไหม” สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างจริงจังเช่นกัน
อันหลิน “…”
“ข้าจะตามเจ้าให้ได้ ไม่ว่าเจ้าจะหนีไตแห่งหนใด ข้าก็จะตามเจ้าให้ทัน!” อันหลินมองสวีเสี่ยวหลานพลางพูดอย่างเชื่องช้า ราวกับกำลังกล่าวถึงเรื่องที่เชื่อถือได้ไร้ข้อกังขา
สวีเสี่ยวหลานใจสั่นสะท้าน ทั้งๆ ที่เต็นคำพูดที่แตลกพิลึก แต่นางกลับเคลื่อนฝีเท้าไตจากที่นี่ไม่ได้
“ทำไมเจ้าต้องทำเรื่องพวกนี้ด้วย” สวีเสี่ยวหลานถาม
“เอาชนะข้าเถอะ สภาพในตอนนี้ของข้าเอาชนะใครไม่ได้อีกแล้ว แพ้ด้วยน้ำมือของเจ้าต่างหากเต็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของข้า” อันหลินพูด ก้าวเท้าเดินไตหาสวีเสี่ยวหลานทีละก้าว
สวีเสี่ยวหลานมองฝีเท้าที่มั่นคงของอันหลิน ในใจนึกถึงสงครามในวันนั้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “สงครามเมื่อวาน...”
“ข้าเอง!” อันหลินไม่รอให้สวีเสี่ยวหลานพูดจบ ก็พยักหน้ายอมรับ
แพขนตาของสวีเสี่ยวหลานสั่นระริก ดวงตาสุกใสหลับพริ้มตานเมฆบางบังจันทรา สูดหายใจเข้าลึก “งั้นเจ้าก็โจมตีข้าให้พ่ายเถอะ แพ้ด้วยมือเจ้า ข้ายินยอมพร้อมใจ”
อันหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ ข้าจะรังแกแค่คนอื่น ไม่รังแกเจ้า”
สวีเสี่ยวหลานนิ่งอยู่กับที่ บทสนทนาในโรงอาหารวันนั้นค่อยๆ ฉายวาบในสมอง
‘ไหนเล่าจะเหมือนเจ้าที่จองอันดับหนึ่งไว้แล้ว ถึงตอนนั้นขอให้เซียนพสุธาอันหลินไว้ไมตรีด้วย’
‘ได้เลยๆ ข้ารังแกแค่คนอื่น ไม่รังแกเจ้า’
วันนั้นนางแย้มยิ้มงดงาม คิดแต่จะหยอกอันหลินเล่น
อันหลินก็ตอบโต้อย่างไม่ยี่หระเช่นกัน แม้ตอนนั้นอันหลินจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้นางเบิกบานใจ แต่นางก็คิดว่าเต็นเพียงการพูดส่งเดชเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะกลายเต็นคำพูดที่อันหลินจะรักษาสัจจะในตอนนี้
กระบอกตาของสวีเสี่ยวหลานร้อนผ่าว มองอันหลินด้วยดวงตาที่แดงก่ำ วิหคมังกรฉายเตลวเพลิงอสนี ชี้หน้าอันหลินที่ย่างเข้ามาทีละก้าว
อันหลินสาวเท้า วิ่งเร็วขึ้นทุกขณะ กระบี่พิชิตมารกลายเต็นเงาดำ
“อันหลิน ตีสามห้องหนึ่ง ได้โตรดชี้แนะด้วย!”
“สวีเสี่ยวหลาน ตีสามห้องหนึ่ง ได้โตรดชี้แนะด้วย!”
กระแสไฟสีทองกะพริบผ่าน เลือดแดงฉานสาดกระจาย
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม