สงครามในป่าพันยอดเข้าสู่ช่วงท้าย สวีเสี่ยวหลานพักรักษาตัวครู่หนึ่งก็เริ่มต่อสู้อีกครั้ง
เมื่อปราศจากศัตรูตัวฉกาจอันดับต้นๆ ของอันดับเซียน ก็ไม่มีนักเรียนคนใดขวางฝีเท้าของนางได้ สุดท้ายนางก็กลายเป็นคนสุดท้ายในป่าพันยอดท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจ
ศึกแห่งอิสรภาพปิดฉาก สวีเสี่ยวหลานขึ้นนั่งบัลลังก์อันดับหนึ่ง หลิวเชียนฮ่วนเป็นอันดับสอง เซวียนหยวนเฉิงอันดับสาม จั่วชิวปิงอันดับสี่ ซูเฉี่ยนอวิ๋นอันดับห้า ถังซีเหมินตกรอบไวเกินไปจึงได้อันดับที่เจ็ดไป ส่วนอันดับหกถูกเพื่อนร่วมห้องของเขาชิงไป
บรรดานักเรียนค้นพบโดยพลันว่า พื้นที่ครึ่งหนึ่งของสุดยอดพลังต่อสู้บนอันดับเซียนถูกนักเรียนปีสามห้องหนึ่งยึดครอง และนี่เป็นสิ่งที่ทำได้ในสถานการณ์ที่เกิดเหตุไม่คาดฝันกับอันหลิน ไม่ติดหนึ่งร้อยอันดับแรก ไม่พูดถึงสามคนที่สุดยอดที่สุด อย่างลู่จ้าน เหมียวเถียน จงหย่งเหยียน ซุนเซิ่งเหลียน ลั่วจื่อผิง ถังม่าน ซือคงซู่ พวกเขาล้วนเป็นระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณของปีสามห้องหนึ่ง ก็แสดงความโดดเด่นในศึกแห่งอิสรภาพเช่นกัน
เหล่านักเรียนนับสมาชิกหนึ่งร้อยอันดับแรกอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง พบว่ามีชั้นปีที่สามทั้งสิ้นสามสิบกว่าคน ความนัยที่แฝงอยู่เบื้องหลังของตัวเลขนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน…
“ถูกศิษย์น้องทั้งหลายคว้าไปแล้วหรือ ฮือๆ ๆ… พวกเราบำเพ็ญเซียนมากกว่าพวกเขาตั้งสองปีเชียวนะ ไม่ไว้หน้ากันเลย!” ศิษย์พี่ชั้นปีที่ห้าพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“ทำไมนักเรียนปีสามถึงแข็งแกร่งปานนี้ พวกเราเรียนตำราชุดเดียวกันจริงหรือ” ศิษย์พี่ชั้นปีที่สี่พูดด้วยความงุนงง
“พวกเจ้าว่าเป็นเพราะการทดสอบปลายภาคที่ต่อต้านเผ่าพันธุ์มดหรือไม่ ที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปมากโข” นักเรียนคนหนึ่งคาดการณ์
“มีเหตุผล สงครามครั้งนั้นค่อนข้างโหดเหี้ยม มีคนตายไม่น้อยเลย อาจารย์นักเรียนที่บาดเจ็บก็นับไม่ถ้วน ผ่านการขัดเกลาปางตายมา ย่อมทำให้จิตใจของตนหนักแน่นยิ่งขึ้น ทำให้เติบโตได้ไวขึ้น” นักเรียนบางส่วนคล้อยตามทันทีที่ได้ยิน
“ไหนจะมีรัศมีของเทพอันที่ปกคลุมพวกเขา นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งแน่ๆ!”
“ฮ่าๆ ๆ ศิษย์น้องคนนี้ก็พูดได้มีเหตุผลเหมือนกัน…”
…
ศึกแห่งอิสรภาพปิดฉากลงท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของนักเรียน
แต่การต่อสู้ของอันหลินยังไม่สิ้นสุด
หลังเขาลืมตาตื่น พบว่าคนกลุ่มใหญ่กำลังจ้องมองตนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร พลันสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวใจเย็นวาบ
หลิวเชียนฮ่วน เซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋น สวีเสี่ยวหลานและถังซีเหมินต่างก็ทำหน้ามีเลศนัย
ถังซีเหมินหัวเราะเหอะๆ “ช่างเป็นแผนการที่สะเทือนฟ้าเหลือเกิน ลากข้าเข้าไปเอี่ยวเสียด้วย”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ จากนั้นถลึงตาใส่หลิวเชียนฮ่วน ขาดแค่ตะโกนออกไปว่าทรยศ
หลิวเชียนฮ่วนกลับแลบลิ้มอย่างทะเล้น พูดด้วยท่าทางเหมือนพอใจที่แผนการแกล้งสำเร็จ “ใครใช้ให้เจ้าใช้หมัดอสนีปรมาณูระเบิดข้า ไม่ได้ตกลงกันก่อนว่าจะมีท่านี้นี่นา ทำข้าตกใจแทบแย่…ตอนหลังถังซีเหมินวิ่งโร่มาตำหนิ ข้าก็ไม่อยากรับโทษแทนเจ้าแล้ว เจ้าไร้คุณธรรมอย่าโทษว่าข้าอธรรม ข้าเป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ใช่ผู้ต้องหา!”
“อีกอย่าง เรื่องที่เจ้าใช้ระเบิดกับข้า ยังไม่ได้สะสางเลย!”
พูดจบนางก็ถลึงตาใส่อันหลินอีกครั้ง
อันหลินอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าหลิวเชียนฮ่วนจะย้อนกลับมาเล่นงานในเวลาแบบนี้
เขาเบนสายอ้อนวอนมองที่เซวียนหยวนเฉิง
เซวียนหยวนเฉิงถอนหายใจ “สหายอันหลิน เจ้าอยากให้สวีเสี่ยวหลานเป็นอันดับหนึ่ง มาเจรจากับพวกเราดีๆ ได้ ใช้วิธีที่ดีกว่านี้สิ ใช้วิธีก่อนหน้านี้ข้าไม่เห็นด้วย อีกอย่างข้าเชื่อว่าสวีเสี่ยวหลานคว้าอันดับหนึ่งของสำนักด้วยวิธีนี้ นางไม่มีทางดีใจหรอก”
อันหลินมองสวีเสี่ยวหลาน เห็นนางกำลังมองตนด้วยใบหน้าที่เย็นเยือกอย่างมหันต์
เห็นได้ชัดว่าในบรรดาคนเหล่านี้ คนที่โกรธเขามากที่สุดคือสวีเสี่ยวหลาน...
ตอนนี้นางไม่พูดอะไรเลย จ้องอันหลินนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ทำให้อันหลินกดดันเหลือเกิน
“นั่นสิ สวีเสี่ยวหลานเก่งกาจปานนี้ ต่อให้อาศัยกำลังของตนก็คว้าอันดับหนึ่งได้เหมือนกัน สหายอันหลิน เจ้าทำเช่นนี้มันสูญเปล่า” ซูเฉี่ยนอวิ๋นก็ตำหนิเสียงนุ่มเช่นกัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม