เมื่อสวีเสี่ยวหลานได้ยินคำพูดของหญิงชุดม่วง หน้าก็แดงเรื่อทันที เอ็ดไปเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่หลานเยียน ท่านพูดบ้าอะไรน่ะ อยากโดนตีหรือ”
“ศิษย์น้องเสี่ยวหลานจะรังแกข้าเพราะผู้ชาย…เฮ้อ ไมตรีจิตห่างไปไกลเสียแล้ว…” หลานเยียนส่ายหน้าอย่างน้อยอกน้อยใจ
อันหลินขี่ต้าไป๋เหาะลงมาจากท้องฟ้า หยิบซาลาเปาเข่งหนึ่งออกจากแหวนมิติโยนให้หลานเยียน
ซาลาเปาเข่งหนึ่งลอยแหวกอากาศมา หลานเยียนรับไว้ตามสัญชาตญาณ มองอันหลินด้วยความงุนงง “เจ้าทำอะไรน่ะ”
“เจ้าบอกว่าข้าไม่มีสินสอดไม่ใช่หรือ นี่แหละสินสอดของข้า” อันหลินพูด
หลานเยียนงงไปหลายวินาที จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ “ฮ่าๆ ๆ…สินสอดซาลาเปาหรือ ไม่คิดเลยว่าอันหลินจะตลกขนาดนี้ ฮ่าๆ ๆ…”
นางเส้นตื้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นอันหลินใช้ซาลาเปาเป็นสินสอดด้วยท่าทีจริงจัง ก็ยิ้มหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง
“เจ้ากินก่อนค่อยขำได้ไหม” อันหลินพูดอย่างเอือมระอา
“ก็ได้ๆ งั้นข้าจะไม่ให้ความตั้งใจของเจ้าบ่าวผิดหวัง” หลานเยียนกลั้นขำ เปิดฝาที่กั้นกลิ่นอายออก กัดซาลาเปาที่หอมนุ่มหนึ่งคำ รสชาติข้างในปะทุทันใด
หลานเยียนตะลึงงัน ดวงตาเบิกกว้างกินไปอีกหลายคำ
“คุณพระ…นี่ข้ากำลังกินซาลาเปาอยู่หรือ” นางพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ซาลาเปานั่นแหละ วัตถุดิบก็คือแป้ง เนื้อวัว เนื้อหมู ผักวิเศษของสรวงสวรรค์” อันหลินยืนยัน
“เจ้า…เจ้าทำเองหรือ” หลานเยียนเพิ่งกินซาลาเปาไปลูกเดียว ก็หยิบซาลาเปาลูกที่สอง ไม่สนใจเลยว่ายัดจนแก้มป่องแล้ว เอ่ยถามเสียงอู้อี้
อันหลินยิ้ม “แน่นอน! ชื่อว่าซาลาเปาต้าไป๋เมิน เลื่องชื่อในสรวงสวรรค์แล้ว!”
พอหลานเยียนได้ยินชื่อก็มองต้าไป๋ หัวเราะขึ้นมาโดยพลัน “ฮ่าๆ ๆ…อ่อก...”
นางกำลังกินซาลาเปาอยู่ จู่ๆ ก็หัวเราะ สีหน้าจึงเริ่มซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้าง
สวีเสี่ยวหลานกลอกตา เดินเข้าไปออกแรงตบหลังของหลานเยียน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “บอกท่านแล้วว่าอย่าหัวเราะเวลากิน ท่านไม่ฟัง สำลักอีกแล้วล่ะสิ”
อันหลิน “…”
หลานเยียนที่เพิ่งได้หายใจหายคอยังคงหัวเราะต่อ “ฮ่าๆ ๆ…แต่ชื่อซาลาเปาต้าไป๋เมินตลกมากเหลือเกิน จะว่าไปต้าไป๋โง่หรือ ซาลาเปาที่อร่อยขนาดนี้ถึงได้เมิน ฮ่าๆ ๆ…”
“พรืด…” ครั้งนี้อย่าว่าแต่หลานเยียนเลย แม้แต่อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานก็หัวเราะ
ต้าไป๋เบิกตากว้าง “พี่อัน นางรังแกหมา! โฮ่ง!”
อันหลินลูบหัวสุนัขเบาๆ มอบซาลาเปาต้าไป๋เมินให้ต้าไป๋เข่งหนึ่งเป็นรางวัล ดับไฟโทสะของมัน
หลานเยียนกับสวีเสี่ยวหลานพูดคุยฮาเฮตรงเข้าไปในสำนัก ส่วนอันหลินขี่ต้าไป๋ตามหลัง
ระหว่างทาง ศิษย์ทั้งหลายในสำนักพากันเหลียวมอง
คนส่วนใหญ่มองหญิงงามสองคนนั้น และมีบางส่วนบอกว่าอันหลินดูคุ้นหน้าคุ้นตา สุนัขตัวนั้นยิ่งคุ้นไปกันใหญ่ สุดท้ายเมื่อเห็นวานรที่อัปลักษณ์ตัวนั้น ก็กระจ่างใจโดยพลัน
ให้ตายสิ! นี่มันเจ้าชั่วอันที่ลักพาตัวเทพธิดาสวีเสี่ยวหลานของพวกเราไปไม่ใช่หรือ!
จากนั้นอันหลินก็ได้รับสายตามาดร้ายอยู่บ่อยครั้ง มันทำให้เขาเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก คิดในใจว่าถ้ามีตัวร้ายโผล่มาท้าทายก็คงดี
เพราะหลังเขาบรรลุระดับแปลงจิตแล้ว ยังไม่ได้อวดความเท่เลย ต้องให้ลูกศิษย์ที่ตาไม่มีแววมาสร้างประสบการณ์ให้สิจึงจะถูก ไม่อย่างนั้นการบำเพ็ญเซียนจะไม่มีความภาคภูมิใจเลย
แต่ไม่เป็นไปตามหวัง ตลอดทางนอกจากสายตาที่ดูเจตนาร้ายของลูกศิษย์บางส่วนแล้ว ไม่มีเรื่องไม่คาดฝันอื่นๆ เกิดขึ้น
อันหลินเดินตามสวีเสี่ยวหลานไม่หยุด สุดท้ายก็เข้าสู่ชั้นในของสำนัก
พลังเพลิงที่ชวนให้ผ่อนคลายอย่างยิ่งถาโถมเข้ามา ทำให้เขาสบายไปทั้งตัว
สองข้างทางเป็นใบเมเปิลสีแดงฉานดุจเพลิง ดูแล้วสดใสเจิดจ้า สายลมอ่อนโชยผ่าน เห็นใบเมเปิลหลายใบพลิ้วไหวตามแรงลม ประหนึ่งภูตเพลิงที่ลุกโชน เริงระบำไปรอบๆ ช้าๆ
ปลายทางที่ถูกป่าเมเปิลครอบงำ มีหอสีขาวสูงสิบจั้งหลังหนึ่ง โบราณโอฬาร กลิ่นอายพลังงานจางๆ รายล้อม ประดุจสัตว์ตัวเขื่องนอนหมอบ ชวนให้เกิดความยำเกรง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม