ผ่านไปอีกวัน สำนักวิหคชาดจัดพิธีอวยพรเพลิงวิหคชาดที่มีห้าปีหนึ่งครั้ง
สำหรับสำนักวิหคชาดแล้ว พิธีนี้เป็นงานใหญ่ที่ล้ำค่า
เพราะวันนี้เพลิงวิหคชาดจะทำการชำระล้างสมาชิกทุกคนในสำนัก และจะถ่ายทอดพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ลูกศิษย์ที่ค่อนข้างโดดเด่นของสำนัก ซึ่งก็คือการให้พวกเขารวบรวมเพลิงวิหคชาดในทะเลปราณ
ลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตรวมตัวกัน ณ จัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ รอคอยการเปิดพิธี
เพราะสัตว์เลี้ยงอย่างต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์ไม่ใช่ลูกศิษย์ของสำนักวิหคชาด จึงทำได้เพียงงีบหลับในสวน
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานเดินเคียงคู่กันเข้าสู่จัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ การมาเยือนของพวกเขาดึงดูดสายตาของลูกศิษย์ส่วนใหญ่ ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้ชื่อเสียงของอันหลินโด่งดังเหลือเกิน ทำให้ลูกศิษย์มากมายทั้งนับถือและสงสัยในตัวเขา
“รีบดูนั่นสิ คนนั้นแหละอันหลิน!”
“ไม่ได้มีสามเศียรหกกรเสียหน่อย อีกอย่างดูแล้วก็ไม่ได้สง่างามอะไร แต่หน้าตาก็ดูหล่อเหลาดี”
“เจ้าจะไปรู้อะไร! ความสง่าไม่เปิดเผย คืนสู่สามัญ แบบนี้สิยอดฝีมือ! เจ้าดูดวงตาของเขาสิ ลึกล้ำดุจท้องทะเล และเหมือนแฝงเร้นด้วยทุกสรรพสิ่งในจักรวาล โอ้…หล่อเหลือเกิน!”
“มีสติ เลิกบ้าผู้ชายได้แล้ว!”
“หึ ก็แค่คนที่เข้ามาด้วยเส้นสายเพื่อพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มีอะไรให้ยกยอกัน”
“จะพูดเช่นนี้ไม่ได้ เขาเป็นคนของสำนักวิหคชาดแล้ว อีกอย่างเขาก็เสี่ยงชีวิตไปช่วยศิษย์พี่หยางหยวนในคุกวิหคชาดด้วยฐานะของลูกศิษย์สำนัก ถ้าหากมาเพื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว เขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้เลย”
“ใช่แล้ว อันหลินทำเรื่องที่ลูกศิษย์สำนักพึงทำ มีสิทธิ์จะช่วงชิงพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์”
…
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานมาถึงใจกลางของจัตุรัสท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์
ที่นี่มีผู้อาวุโสกับศิษย์คนสำคัญของสำนักที่มีไอปราณยิ่งใหญ่มากมาย ส่วนใหญ่ล้วนพยักหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นอันหลิน บางคนก็ยิ้มแสดงความเป็นมิตร
สวีเสี่ยวหลานกวาดตามองทั่วจัตุรัส จากนั้นก็กระซิบกันอันหลินว่า “เจ้าเป็นคนที่จะรับพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ไปยืนเขตสีแดงดีกว่า”
อันหลินมองไปทางที่สวีเสี่ยวหลานชี้ พบว่ามีคนยืนอยู่ตรงนั้นห้าคน ม่อไห่ ซ่างกวนอี้ หลู่เจียจื้อ จี้หย่งฟางและหยางหยวนต่างก็อยู่ที่นั่น เขาแยกกับสวีเสี่ยวหลาน เดินไปยังเขตสีแดง
“ฮ่าๆ ๆ อันหลิน ในที่สุดเจ้าก็มา เมื่อครู่พวกเรายังพูดถึงเจ้าอยู่เลย!” ม่อไห่เห็นอันหลิน ใบหน้าก็เปื้อนรอยยิ้มเบิกบาน เป็นฝ่ายทักทายก่อน
อันหลินแย้มยิ้ม “กำลังพูดว่าข้าน่าเกรงขาม อหังการไร้เทียมทานยามรบใช่ไหม”
ม่อไห่กับหลู่เจียจื้อกลอกตาเมื่อได้ฟัง ซ่างกวนอี้อดป้องปากขำไม่ได้
หลู่เจียจื้อชิงพูดก่อนว่า “ม่อไห่กับซ่างกวนอี้กำลังคุยกันเรื่องฝีมือการทำอาหารของเจ้า บอกว่าอาหารที่เจ้าทำอร่อยยิ่งนัก เป็นอาหารเลิศรสสูงสุดในหล้า เทิดทูนสูงเทียมฟ้าแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเก่งกาจปานนั้น…สหายอันหลินหาเวลาให้ข้าได้เห็นประจักษ์แก่ตาสักหน่อยดีไหม”
อันหลินชะงักเมื่อได้ฟัง จากนั้นก็พยักหน้า “ได้เลย ราคาตลาด กระทะละหนึ่งแสนหินวิญญาณ เจ้าเตรียมเงินไว้ก่อนเถอะ”
หลู่เจียจื้อตะลึงงัน “ที่แท้ ‘ราคาสูงลิ่ว’ ที่พวกเขาว่าก็จริงเหมือนกันหรือ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ อาหารกระทะเดียวหนึ่งแสนหินวิญญาณ!”
“ข้าเอาสิบกระทะ!” ในตอนนั้นเองเสียงที่กระจ่างใสก็ดังขึ้น
ทุกคนมองไปตามต้นเสียง เห็นชายหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกคนหนึ่งกำลังมองอันหลินด้วยรอยยิ้ม
หลู่เจียจื้อหน้าเขียวเล็กน้อย “ศิษย์พี่หยางหยวน ต่อให้อันหลินช่วยชีวิตท่าน ท่านก็มอบเงินให้โจ่งแจ้งเช่นนี้ไม่ได้”
“ข้าไม่ได้มอบเงิน ข้าเชื่อในอาหารที่อันหลินทำว่าคู่ควรกับเงินพวกนี้ต่างหาก” หยางหยวนจ้องอันหลิน ในแววตาเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นอย่างใหญ่หลวง ราวกับกำลังเปล่งแสง
หลู่เจียจื้อเผยอปาก เอ่ยคำโต้แย้งไม่ออก

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม