แม้ลูกศิษย์หลายหมื่นคนจะโง่เง่าปานใด บัดนี้ก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า สำนักของพวกเขาถูกอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่เพ่งเล็งเข้าแล้ว!
ผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานฮึดฮัดในลำคอ เปล่งเสียงประหนึ่งสายฟ้าคำรามทันทีว่า “ช่างใจกล้าเสียจริง แม้แต่สมบัติล้ำค่าประจำสำนักของข้ายังกล้าเพ่งเล็ง เห็นสำนักวิหคชาดเรารังแกได้ง่ายหรือ!”
ครืน
ค่ายกลสีแดงมโหฬารเริ่มปรากฏให้เห็นเหนือยอดไม้ ปกคลุมเวหาในรัศมีหลายสิบลี้โดยสมบูรณ์
พลังของลูกศิษย์มากเหลือคณานับถูกชักนำให้รวมกันที่ค่ายกล
พญาหงส์สีแดงที่มีขนาดมหึมาตัวหนึ่งก่อตัวกลางค่ายกล กางปีกหลายลี้ บดบังท้องนภาทั้งผืน
เปลวไฟอันไม่สิ้นสุดทะลักออกจากร่างกายของพญาหงส์ ทำให้ท้องฟ้าบิดเบี้ยว กลายเป็นลูกคลื่นมือฟ้ามัวดินพุ่งใส่รอยแยกดำทะมึนนั่น
“เป็นเพราะสำนักวิหคชาดของพวกเจ้ารับมือได้ยาก ฉะนั้นเราจึงมา”
หญิงสาวที่มีรัศมีสีน้ำเงินปกคลุมทั่วกายจนเห็นโฉมหน้าไม่ชัดเจนก้าวออกจากรอยแยก
นางห่มชุดจักรพรรดิสีทอง หัวสวมมงกุฎ ด้านหลังแผ่แสงดาราสีน้ำเงิน ความหนาวเหน็บดุจพยากรณ์แห่งสวรรค์ ปกคลุมไปทั่วหล้า ทำให้หิมะโปรยปราย กำราบเปลวไฟของพญาหงส์อย่างสิ้นเชิง
มือขวาของนางกำราชลัญจกรเก่าแก่อันหนึ่ง มือซ้ายคว้าเปลวไฟพิโรธอันท่วมท้นที่ถาโถมเข้ามา
แกรก…
ลูกไฟนับไม่ถ้วนถูกแช่แข็งกลางเวหาประหนึ่งเป็นวัตถุของแข็ง ดุจรูปสลักน้ำแข็งอันงดงาม จากนั้นก็ค่อยๆ ระเหยหายไปช้าๆ
ในตอนนั้นเอง มังกรน้ำแข็งเก้าเศียรยาวหลายร้อยจั้งก็เริ่มเหาะออกมาจากรอยแยก ทุกเศียรล้วนแผ่ไอปราณที่น่ากลัวสุดแสน
เชือกสีทองด้านหลังของพวกมันลากจูงบัลลังก์น้ำแข็ง ด้านบนมีหญิงสาวที่เลอโฉมถือคทาสีขาวนั่งอยู่ ดวงตานิ่งเฉยของนางทอดมองหลายหมื่นชีวิตบนพสุธา ใบหน้าไม่บอกอารมณ์ ปานน้ำแข็งที่ยืนยงมานับหมื่นปี
มีหญิงผมเงินหลายร้อยคนถือคมน้ำแข็งยืนอยู่ข้างหลังนาง ทุกคนล้วนแต่แผ่กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ยวดยิ่ง
ม่อไห่เบิกตากว้าง อุทานว่า “คุณพระ! พวกนี้เป็นสาวหิมะทั้งนั้นเลยสินะ ทำไมแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์วิ่งโร่มาแย่งเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเราเสียได้ ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง!”
สีหน้าของหยางหยวนถมึงทึง เอ่ยขึ้นมาว่า “สังฆราชินีแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ รวมถึงองค์หญิงกว่าครึ่งของสามสิบหกตำหนักศักดิ์สิทธิ์…สุดยอดพลังแทบจะเคลื่อนไหวกันทุกคน สำนักวิหคชาดของเราลำบากเสียแล้ว…”
อันหลินจ้องสาวหิมะบนท้องนภาไม่วางตา พูดไม่ออกเช่นกัน
สาวหิมะเหล่านี้กำเริบเสิบสานขึ้นทุกวัน ช่วงก่อนยังเฮโลไปชิงคนที่สำนักเซียนหมื่นชีวิตอยู่เลย ตอนนี้กลับแห่กันมาแย่งเพลิงที่สำนักวิหคชาด ช่วยหยุดยั้งกันหน่อยไม่ได้หรือไง!
“ไหนๆ ก็มาแล้ว เช่นนั้นก็อยู่เสียเถอะ เทพลงทัณฑ์แห่งสรวงสวรรค์จวนมาถึงแล้ว พวกเจ้าหนีไม่รอดแน่…” เสียงที่กึกก้องกว้างไกลดังขึ้นโดยพลัน
จากนั้นเปลวไฟสีทองมหาศาลก็เริ่มแผ่คลุมท้องฟ้า ฝ่ามือกว้างหลายลี้คู่หนึ่งครอบสาวหิมะหลายร้อยชีวิต กลายเป็นกรงขังเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงยิ่ง ผนึกพลังเหมันต์ทั้งปวง
“หัตถ์ผนึกฟ้า ปรมาจารย์ซือถูเฟิ่งลงมือแล้ว!”
ลูกศิษย์สำคัญบางส่วนเห็นเหตุการณ์กลางเวหา เอ่ยด้วยดวงตาที่ลุกวาว
บรรดาลูกศิษย์ที่ตื่นกลัวกับพลังของสาวหิมะบนท้องฟ้าต่างก็ฮึกเหิมกันระนาว จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชนในใจ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็รู้สึกวางใจ
ปรมาจารย์ซือถูเฟิ่งเป็นบุคคลในตำนานแห่งสำนักวิหคชาด เป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งระดับรวมมรรคาตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้ว
ชื่อเสียงบารมีของเขาสูงกว่าเจ้าสำนักมากโข เป็นเข็มสยบทะเล[1]แห่งสำนักวิหคชาด
ขอเพียงมีเขาอยู่ สำนักวิหคชาดจะไม่มีทางแพ้พ่าย! ยิ่งไม่เกรงกลัวศัตรูหน้าไหน!
หญิงสาวที่ถูกรัศมีปกคลุมโยนราชลัญจกรเก่าแก่ในมือขวาใส่ท้องนภา เอ่ยเสียงเรียบว่า “เทพลงทัณฑ์ของสรวงสวรรค์พวกเราต้านทานไม่ไหวก็จริง แต่ข้าถ่วงเวลาของพวกเขาได้ ในระยะเวลานี้ ข้าทำอะไรได้ตั้งมากมาย…”
“ตราจักรพรรดิ ฝุ่นแยกอนุภาค!”
ครืน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม