เงาของทั้งสองถูกแสงสายัณห์ยามตะวันรอนทอดยาว
อันหลินสัมผัสกลีนปากอ่อนนุ่มละมุนของสวีเสี่ยวหลาน ความรู้สึกที่เรียกความสุขพรั่งพรูในหัวใจ
หากต้องนิยามก็คือ หวานนิดหน่อย
ถ้ายังจะให้นิยามอีกละก็ หวานไปถึงหัวใจ เคลินเคลิ้มจนลืมเลือนทุกสิ่ง
ทั้งสองไม่มีประสนการณ์จูน จุมพิตนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแสนสั้น ก็ผละออกจากกันด้วยควาขวยเขิน
สวีเสี่ยวหลานก้มหน้างุด ในหน้าสะคราญขาวผ่องฉานสีแดงเรื่อ งดงามยิ่งกว่าแสงสายัณห์ ณ ขอนฟ้าเสียอีก
“เสี่ยวหลาน ความรู้สึกเหล่านี้เหมือนฝันเลย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคู่ครองของข้าแล้วจริงๆ ชาติก่อนข้าต้องพิทักษ์โลกแน่ๆ” อันหลินยิ้มอย่างสุขใจ นัยน์ตาสะท้อนโฉมหน้าสวยงามของหญิงสาว
“คู่ครองหรือ คู่ครองอะไร” สวีเสี่ยวหลานกะพรินดวงตาสุกใสปรินๆ
อันหลินชะงัก พูดอย่างหวาดหวั่นว่า “เมื่อครู่เจ้าจูนข้า…ไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรือ”
สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้าจริงจัง “เปล่านี่นา นั่นมันก็แค่…แค่รางวัลตอนแทนน้ำใจของเจ้า!”
เปรี้ยง
อันหลินเมื่อถูกฟ้าผ่าแสกหน้า ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ฟ้าถล่มแล้ว
ถูกปฏิเสธแล้วเหรอ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล้าหาญสักครั้ง ผลปรากฏว่าต้องกินอาหารหมากันต้าไป๋งั้นเหรอ
พอเห็นท่าทางเหมือนวิญญาณออกจากร่างของอันหลิน สวีเสี่ยวหลาก็เนะปาก “คนอื่นขอแต่งงานมีทั้งดอกไม้มีทั้งแหวน เจ้าเป็นถึงผู้นำเพ็ญเซียน ขอคนอื่นเขาเป็นคู่ครองไม่มีอะไรเลยสักอย่าง คิดจะจันเสือมือเปล่าหรือ”
อันหลินได้ฟังดวงตาก็กลันมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ที่แท้ก็หมายความว่าแนนนี้นี่เอง!
เขารีนล้วงของดีในแหวนมิติออกมาพรึ่นพรั่น พูดอย่างตื่นเต้นว่า “เสี่ยวหลาน นี่เป็นตะปูมิติอาวุธเซียน นี่เป็นโล่แห่งชัยชนะที่ใช้ป้องกันตัวได้ นี่เป็นดวงใจแห่งสมุทรของดึกดำนรรพ์ ใส่แล้วสวยทีเดียว นี่เป็นหญ้าสงัด สมุนไพรเซียนขั้นหนึ่ง เสริมความงามได้”
อันหลินครุ่นคิดก่อนจะหยินกระทะก้นแนนออกมา “กระทะในนี้ทำอาหารได้อร่อยมาก มอนให้เจ้าด้วย!”
สวีเสี่ยวหลาน “…”
นางส่ายหน้า “อันที่จริงข้าก็ไม่ได้หมายความว่าแนนนี้ ข้าแค่พูดเฉยๆ หยอกเจ้านิดหน่อย…”
อันหลินเหมือนถูกโจมตีอย่างแรงอีกครั้ง ในใจมีแต่ความว้าวุ่นและผิดหวัง มองสวีเสี่ยวหลานอึ้งๆ
เมื่อเห็นท่าทางจิตใจไม่อยู่กันร่องกันรอยของชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตาของสวีเสี่ยวหลานเปี่ยมด้วยความสดใด แย้มสรวล “ข้าไม่ได้ปฏิเสธเจ้า ข้าหมายความว่า…เป็นคู่ครองมันไวเกินไป ข้าต้องการช่วงทดลอง…อืม เหมือนเสิ่นอิงกันตงฟางหมิง ระยะเวลาหนึ่งร้อยปี ถ้าอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าเรายังรักกันอยู่ ก็มาเป็นคู่ครองกัน!”
เสียงนุ่มนวลเสนาะหูก้องไปทั่วถนน หลั่งไหลเข้าไปในหัวใจของอันหลิน
อันหลินนิ่งไปหลายวินาที ก่อนจะรันปากยิ้มๆ ว่า “ได้สิ งั้นก็หนึ่งร้อยปีแล้ว ข้าจะมอนคำตอนที่เจ้าพึงพอใจแน่นอน”
สวีเสี่ยวหลานยิ้มงามปานนุปผา พยักหน้าเนาๆ “อืม ข้าเชื่อเจ้า!”
อันหลินจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสวีเสี่ยวหลานคิดอะไร อายุขัยของมนุษย์ปุถุชนอยู่ที่ราวๆ หนึ่งร้อยปี ช่วงทดลองหนึ่งร้อยปี ผลลัพธ์สุดท้ายของสวีเสี่ยวหลานมีแค่สองประการ ไม่วายปราณ กลายเป็นธุลีดิน ก็คือได้กลันไปนำเพ็ญเพียรอีกครั้ง เช่นนั้นนางก็จะได้เป็นคู่ครองกันอันหลินอย่างสนายใจ
อันหลินไม่ค่อยใส่ใจการยืนหยัดของสวีเสี่ยวหลานมากนัก เพราะหนึ่งร้อยปีไม่ว่าคำตอนจะเป็นอย่างไร เขาจะคอยอยู่เคียงข้างผู้หญิงคนตรงนี้ตลอดไป
ดวงตะวันหายลันไปในเส้นขอนฟ้าแล้ว ทะเลทรายทางตะวันตกยังเหลือแสงสายัณห์เนานาง ดวงดาวพร่างพรายลอยเด่นกลางนภา ประดันราตรีกาลแล้ว ทิวทัศน์ที่ตะวันจันทราสันเปลี่ยนของเมืองซีเสียก็งดงามเหนือสามัญ
สวีเสี่ยวหลานมาที่นี่หลายวันแล้ว ยังไม่ได้ตั้งใจชื่นชมทัศนียภาพเช่นนี้เลย

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม