อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานกินข้าวเสร็จก็เดินไปในสวนด้วยความอิ่มเอม
สาวใช้ทั้งสี่อย่างชุนเซี่ยชิงตงเหมือนยกภูเขาออกจากอก กินอาหารหมาจนอิ่มแปล้ ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เวลากินข้าวปรับปรุงคุณภาพชีวิตแล้ว
“พี่ตงเอ๋อร์ ท่าทางคุณชายท่านนั้นจะเป็นคู่ครองของนายหญิงจริงๆ” เสี่ยวชิวพูดอย่างอิจฉา
เสี่ยวตงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักพยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหน้าวิเคราะห์ว่า “พวกเขาน่าจะว่าที่คู่ครองกันมากกว่า มีใจกันทั้งคู่ แต่กลับไม่ได้ยืนยันความสัมพันธ์”
“ซับซ้อนเหลือเกิน อย่างไรเสียต่อไปผู้ชายคนนั้นคงอยู่ที่นี่แล้วกระมัง” เสี่ยวเซี่ยยู่ปาก
นางแค่อยากรับใช้สวีเสี่ยวหลาน จู่ๆ มีผู้ชายคนหนึ่งเพิ่มมา ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
“ต่อไปคุณชายท่านนั้นก็น่าจะเป็นนายท่านของพวกเรา” เสี่ยวชุนหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงเบาว่า “ฟังบทสนทนาของพวกเขา ทั้งคู่เป็นลูกศิษย์ของสรวงสวรรค์ สุดยอดมากจริงๆ! ไม่คิดเลยว่ านายหญิงของพวกเราก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่ยวดยงด้วย ถึงว่าฝีมือการปรุงอาหารของนายท่านยอดเยี่ยมปานนี้ นั่นมันเซียนเชียวนะ!”
“หึ เซียนก็แบ่งระดับขั้นไหมเล่า กายแห่งมรรคขั้นนั้นขั้นนี้ คุณชายคนนั้นจะสักกี่ขั้นกันเชียว” เสี่ยวเซี่ยเบะปาก
“เข้าเรียนในสรวงสวรรค์ได้ต้องมีขั้นหกขั้นเจ็ดเป็นอย่างต่ำ!” เสี่ยวตงสันนิษฐานอย่างมีภววิสัย
“คือว่า…พวกเจ้าไม่ได้ยินนายหญิงเรียกคุณชายท่านนั้นว่า ‘อันหลิน’ หรือ คงไม่ใช่อันหลินที่อยู่ในนิตยสารจิ่วโจวนั่นหรอกนะ” เสี่ยวชิวพูดเสียงอ่อย
เมื่อสิ้นประโยคนี้ เหล่าสาวใช้ก็เงียบงันทันใด
พวกนางนึกขึ้นได้ว่านายหญิงเรียกชื่อจริงของคุณชายท่านนั้นจริงๆ อันหลินนี่แหละ! แต่พวกนางกลับไม่ได้ผูกโยงชื่อนี้กับบุคคลระดับตำนานในนิตยสารจิ่วโจว เพราะคนพวกนี้ห่ างไกลจากพวกนางเหลือเกิน หากไม่ใช่อันหลินผมขาว พวกนางก็คงไม่ผูกโยงเขากับเจียงหย่าหนานหรอก
พอมาคิดดูตอนนี้ ชื่ออันหลิน แถมยังเป็นลูกศิษย์ของสรวงสวรรค์…น่ากลัวเหลือเกินเมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว!
“อันหลินที่คว้าอันดับหนึ่งในชุมนุมมรรคเทศนาสี่ทิศให้กับสำนักสรวงสวรรค์คนนั้นอยู่ตรงหน้าพวกเรางั้นหรือ” เสี่ยวเซี่ยสูดหายใจเข้าลึก พูดด้วยความตกใจ
“อันหลิน บุคคลระดับตำนานอันดับหนึ่งของสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนอยู่ตรงหน้าพวกเรางั้นหรือ” เสี่ยวชุนก็ทำหน้าตะลึงเช่นกัน
“ไม่สิ ว่ากันว่าอันหลินเป็นชายหนุ่มผมดำที่ขี่สุนัขไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ผมขาวนี่นา” เสี่ยวตงที่มีสติสะดุดใจแล้วพูดด้วยความสงสัย
“เจ้าโง่หรือไง ตอนนี้เซียนย้อมผมขาวกำลังเป็นกระแสนิยม ปกติมากไหมเล่า” เสี่ยวชุนโต้แย้งด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น ตอนนี้ความนับถือที่มีต่ออันหลินสูงขึ้นอีกขั้น ดวงตาสุกใสพราว วระยับ แฝงด้วยสีสันที่ไม่ธรรมดา
เสี่ยวเซี่ยกับเสี่ยวชิงพยักหน้ารัวๆ สายตาทอดมองทั้งสองใต้แสงจันทร์กลางสวนไม่หยุด ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานนั่งอยู่บนม้านั่งนาวในศาลา แหงนหน้ามองดวงจันทร์กระจ่าง
“เจ้าไม่คิดจะกลับสำนักวิหคชาดแล้วจริงๆ หรือ ท่านลุงรองของเจ้าเป็นยอดฝีมือรวมมรรคเชียวนะ ปรมาจารย์ซือถูเฟิ่งก็เป็นถึงยอดฝีมือรวมมรรคาอาวุโส พลังที่พวกเขาครอบครองอาจมีห หนทางจริงๆ ก็ได้” อันหลินมองหญิงสาวข้างกายที่ถูกแสงจันทร์ปกคลุม แลดูค่อนข้างงดงามมีเสน่ห์ พูดเสียงแผ่วเบา
สวีเสี่ยวหลานได้ฟังก็ส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “เสิ่นอิงก็เป็นยอดฝีมือที่เทียบเท่ารวมมรรคา ความเข้าใจที่นางมีต่อการปลูกถ่ายเลือดเป็นที่หนึ่งในตอนนั้น รากฐานป่นปี้ที่เกิดจา ากการปลูกถ่ายโลหิตไม่มีใครศึกษาได้ถ่องแท้เท่านางแล้ว ข้าสืบทอดความรู้ของนาง จึงรู้ดีว่ามันเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจพลิกผันได้อย่างสิ้นเชิง ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟู”
“แน่นอนว่าข้าก็รู้ว่าท่านลุงรองกับปรมาจารย์มีฝีมือสะท้านฟ้า บางทีอาจมีความเป็นไปได้เสี้ยวหนึ่งจริง หาวิธีช่วยข้าได้จริง แต่ต้องแลกด้วยสิ่งที่ข้าจินตนาการไม่ได้แน่ๆ. …”
จู่ๆ นางก็มองอันหลิน “รากฐานพินาศ หนทางเซียนขาดสะบั้น…ไม่ต่างจากความตายของคนที่ย้อนกลับไม่ได้ เจ้าจะยอมให้ครอบครัวของเจ้าสิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อโอกาสที่เลือนรางนั่นหรือ ท่านลุงรองของข้าติดหนี้ชีวิตท่านแม่อันใหญ่หลวง เขาอาจจะทำแบบนี้จริง ถึงขั้นว่าแลกด้วยชีวิต แต่ข้าไม่ต้องการ…ข้าไม่อยากให้พวกเขาทำเพื่อข้าถึงขั้นนั้น และไม่อยากให้ พวกเขารู้สถานการณ์ของข้าด้วย ข้าไม่ต้องการของพวกนี้…”
อันหลินเงียบงัน ใช้มือโอบเอวคอดกิ่วของหญิงสาวข้างกายไว้หลวมๆ
ร่างอรชรของสวีเสี่ยวหลานสะดุ้งเบาๆ ไม่ได้ขัดขืน แต่เอียงศีรษะซบไหล่ของอันหลิน นัยน์ตาแดงก่ำ ถามเบาๆ ว่า “เจ้าคิดว่าข้าเข้าใจได้ยากใช่ไหม”
อันหลินส่ายหน้า “เปล่านี่นา ข้าก็จะทำเหมือนกับเจ้า…”
“เป็นเพราะพวกเราโง่กันทั้งคู่หรือ” สวีเสี่ยวหลานถาม
อันหลิน “…”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม