มันเป็นค่ำคืนที่ลมสารทโชยชาย หลังทุกคนวุ่นวายมาทั้งวันแล้ว ต่างก็เริ่มพักผ่อนในห้องโถง
อากาศที่เย็นสบายแบบนี้ เหมาะแก่การเล่นไพ่นกกระจอกในห้อง!
เสี่ยวหงมีเพลงแบ็คกราวน์ส่วนตัว ฮัมทำนองไพ่นกกระจอกที่สนุกสนาน
อันหลิน สวีเสี่ยวหลาน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์กำลังเล่นกันได้ที่ สาวใช้ชุน เซี่ย ชิว ตงก็มุงดูอย่างคึกคักเช่นกัน สนอกสนใจของเล่นที่แปลกใหม่เช่นนี้อย่างยิ่ง
อันหลินกำลังพยายามรักษาความสมดุลบางอย่างอยู่ เขาทั้งหวังว่าสวีเสี่ยวหลานจะใช้ชีวิตในสภาพของคนธรรมดาได้อย่างมีความสุข ขณะเดียวกันก็ค้นหาวิธีแก้ไขรากฐานพินาศด้วยความพยา ายามของตน
เขาไม่อยากให้ตนออกไปค้นหาวิธีอย่างสุดชีวิต ครั้นกลับมาทุกอย่างก็ดับสูญ ยิ่งไม่ต้องการให้สวีเสี่ยวหลานค่อยๆ แก่ตายไปในร่างกายของมนุษย์เดินดิน แต่ตนกลับทำอะไรไม่ได้ เลย
มันเป็นความคิดที่ขัดแย้งยิ่งนัก ทำได้สมบูรณ์ได้ยากเหลือเกิน แต่อันหลินกำลังพยายามทำให้สำเร็จ
ทว่าความพลิกผันของสถานการณ์มาไวยิ่งกว่าที่เขาคาดคิด
ขณะที่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกกันอยู่นั้น ยันต์ส่งสารของอันหลินก็พลันสว่างวาบขึ้นมา
เมื่อสัมผัสพลังปราณแล้วพบว่า หยินสี่กำลังติดต่อตนเอง
เขารับยันต์ส่งสารด้วยความตื่นเต้น เสียงก็พลอยสั่นเครือไปด้วย “ว่าอย่างไรสหายหยินสี่ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“ฮ่าๆ ๆ ช่วยรักษาเสถียรภาพของยันต์ส่งสารด้วยละ อาจารย์ของข้าจะไปหาเจ้าตามพลังปราณ ส่วนรายละเอียด ท่านจะทำความเข้าใจก่อนแล้วค่อยคุยกับเจ้า” เสียงของหยินสี่เจือความผ่อนคลา ายและกระหยิ่มใจ
อันหลินได้ฟังก็ตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นเทา พูดจาสะเปะสะปะว่า “ขอบคุณพี่หยินสี่ ขอบคุณผู้อาวุโสเต้าเต๋อเทียนจุน ขอบคุณ ขอบคุณมากจริงๆ…”
เขารู้ว่าประโยคนี้ของหยินสี่หมายความว่าอย่างไร หากว่าไม่มีความหวังเลยแม้แต่นิด ปรมาจารย์แห่งเต๋าไม่มีทางเสียเวลาเดินทางมาที่นี่เด็ดขาด
ในเมื่อปรมาจารย์แห่งเต๋าจะมา เช่นนั้นก็หมายความว่ามีข่าวดี ยังมีความหวัง!
อันหลินไม่ปกปิดเสียงของยันต์ส่งสาร ด้วยเหตุนี้สัตว์เลี้ยงกับสวีเสี่ยวหลานที่อยู่ด้วยต่างก็ได้ยิน
พวกต้าไป๋ดวงตาลุกวาว นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
สวีเสี่ยวหลานกำมือขาวผ่องแน่น เบ้าตาแดงเรื่อ พยายามสะกดกลั้นความปั่นป่วนในใจ
ในยามที่ต้องสูญเสียบางอย่างไปจริงๆ จึงจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่าของสิ่งนั้นสำคัญกับตนมากแค่ไหน
สวีเสี่ยวหลานไม่เสียใจที่ใช้เซียนวิถีของตนช่วยชีวิตอันหลิน แต่ไม่ได้แปลว่านางไม่ถนอมรัก ไม่แยแส
กลับกัน นางเป็นหญิงสาวที่ทะนงตนอย่างยิ่งคนหนึ่ง ประหนึ่งพญาหงส์ที่บินร่อนกลางนภา ปรารถนาท้องฟ้าสีครามยิ่งกว่าผู้ใด อยากเห็นปลายทางของการบำเพ็ญเพียรว่าเป็นอย่างไรยิ่ง งกว่าผู้ใด
อันหลินยื่นมือไปกุมกำมือของสวีเสี่ยวหลานแล้วยิ้มบางๆ เป็นเชิงไม่ให้นางตื่นเต้นเกินไป
แต่ทว่าตัวของอันหลินเองกลับตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว สมองวุ่นวายไปหมด
กำลังคิดว่าหลังเจอปรมาจารย์แห่งเต๋าแล้วจะทำอย่างไร ควรพูดอะไร มีกฎซ่อนเร้นหรือไม่ ต้องทำอะไรหรือเปล่า มอบของขวัญอะไร…
“เอ๊ะ พวกเจ้ากำลังเล่นไพ่นกกระจอกหรือ ของสิ่งนี้ข้าก็ชำนาญเหมือนกัน!”
เสียงที่ค่อนข้างแก่ชรา แต่กลับชวนให้สบายใจอย่างยิ่งดังขึ้น
ไม่รู้ว่าชายชราที่มีผมขาวโพลนคนนี้ปรากฏกายข้างโต๊ะไพ่นกกระจอกตั้งแต่เมื่อใด มองไพ่นกกระจอกบนโต๊ะอย่างยิ้มแย้ม “เจ้าหนูหนี่วาคนนั้นเคยโม้กับข้าว่า ไพ่นกกระจอกเป็น ของเล่นแปลกใหม่ที่โลกของนางคิดค้น สนุกยิ่งนัก ให้พวกเราไตรวิสุทธิ์เล่นกับนาง หึ ปรากฏว่าพอข้าลงมือเล่น ก็ทำเอานางแพ้ยับเยิน จากนั้นนางก็ไม่กล้าพูดเรื่องไพ่นกกระจอก กกับข้าอีกเลย”
ชายชราเล่าวีรกรรมของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ประหนึ่งเด็กที่กระโดดโลดเต้นเพราะชนะเกม แต่ทุกคนฟังแล้วกลับอกสั่นขวัญหาย
อันหลินไม่พูดพร่ำทำเพลง โค้งคำนับทันที “ข้าน้อยอันหลินคารวะมหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุน!”
สวีเสี่ยวหลานคำนับตามด้วยความตื่นเต้น “ข้าน้อยสวีเสี่ยวหลานคารวะมหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุน”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม