ทั้งคู่คำนับเต้าเต๋อเทียนจุนอีกครั้งหลังกอดกันอย่างตื้นตันแล้ว
“ข้าจะตอบแทนพระคุณอันใหญ่หลวงของผู้อาวุโสด้วยความสามารถทั้งหมดที่นี่แน่ๆ เจ้าค่ะ!” สวีเสี่ยวหลานพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น
“เอาละ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะกล้าให้ผู้น้อยอย่างพวกเจ้าตอบแทนได้อย่างไร ข้าไม่ได้ออกแรงมากนักหรอก เพียงแค่ทำในสิ่งที่อยากทำเท่านั้น วิธีถ่ายเลือดที่สมบูรณ์แบบ สายเลือดมังกรที่ซ่อนเร้นกับเลือดดั้งเดิมของวิหคชาด มีสามสิ่งนี้ครบถ้วนต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรากฐานใหม่ของเจ้า” เต้าเต๋อเทียนจุนลูบเคราขาวพลางพูดอย่างยิ้มแย้ม
เสียงของระฆังทองม่วงดังขึ้นอีกครั้ง มิติแปรปรวนขึ้นมาทันที
ทุกคนกลับมาที่เรือนหลานหลินอีกครั้ง แต่ไม่เห็นเงาของมหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุนแล้ว
“อันหลิน พบกันคราวหน้าข้ามีเรื่องวานให้เจ้าช่วยเหลือ ถึงตอนนั้นหวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธ”
เสียงของเต้าเต๋อเทียนจุนดังก้องอากาศ เลือนรางทว่าซึมซาบไปในจิตใจ
อันหลินคำนับอย่างจริงจังอีกครั้ง “เมื่อถึงตอนนั้น ข้าน้อยจะช่วยท่านสุดความสามารถแน่ๆ!”
สวีเสี่ยวหลาน เหล่าสัตว์เลี้ยง รวมถึงสาวใช้ทั้งสี่ต่างก็คำนับต่อท้องฟ้าอันไกลโพ้นเพื่อแสดงความขอบคุณ
หมาป่าดาบขาวไม่คิดเลยว่า บุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับตำนานของแผ่นดินอย่างมหาเทพเต้าเต๋อเทียนจุนจะต้องการความช่วยเหลือจากอันหลินด้วย พลันรู้สึกว่าช่างน่าเหลือเชื่อ มันเคารพเจ้านายของตนยิ่งกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว ระดับความเชื่องเพิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว
“เสี่ยวหลาน ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับแปลงจิตแล้วหรือ” อันหลินถาม
สวีเสี่ยวหลานพยักหน้ายิ้มๆ “อืม หลังดูดซึมเลือดดั้งเดิมของวิหคชาดแล้ว พลังขอบเขตของข้าสมบูรณ์แล้ว ตอนที่สร้างรากฐานใหม่ ได้อาศัยพลังแห่งสายเลือดของสัตว์เทพทำให้รากปราณแผ่ปราณหยวน จิตวิญญาณแจ่มชัด เส้นชีพจรมั่นคง เข้าสู่ระดับแปลงจิตขั้นต้นอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องใช้แม้แต่อสนีบาต”
แม้อันหลินจะไม่เข้าใจว่าสวีเสี่ยวหลานกำลังพูดอะไร แต่ที่แน่ๆ รู้สึกว่าสุดยอดมาก
จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงจับมือเรียวและขาวผุดผ่องของสวีเสี่ยวหลานขึ้นมา
“เจ้าจะทำอะไร” สวีเสี่ยวหลานหน้าแดงเรื่อ นัยน์ตาคู่งามจ้องมองอันหลิน
อันหลินยิ้มอ่อนโยน หยิบแหวนมิติวงหนึ่งออกจากแหวนมิติแล้วสวมใส่นิ้วเรียวดุจต้นหอมนั่นช้าๆ “ตอนนี้แหวนมิติวงนี้กลับคืนสู่เจ้าของแล้ว”
สวีเสี่ยวหลานยิ้มหวาน ดวงตาหยีเป็นจันทร์เสี้ยวที่น่ารัก “ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ “มีอะไรอีกหรือ”
สวีเสี่ยวหลานเบะปาก “ไม่มีอะไร เล่นไพ่นกกระจอกต่อเถอะ”
เจ้าอัปลักษณ์ ต้าไป๋ สวีเสี่ยวหลานกับอันหลินจึงร่วมโต๊ะกันเล่นไพ่นกกระจอกด้วยประการฉะนี้ ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผ่านพ้นไปแล้ว
ต้าไป๋ส่งกระแสจิตอย่างโมโหว่า “พี่อัน เจ้าโง่หรือไง ทำไมเมื่อครู่ไม่แสดงออกสักหน่อยเล่า!”
อันหลินทำหน้างุนงง “แสดงออกอะไร”
ต้าไป๋กุมขมับ “ตอนนี้เป็นวันมงคล เจ้าไม่รุกหน่อยหรือ ให้ของขวัญเซียนหญิงเสี่ยวหลานหน่อย จูบเซียนหญิงเสี่ยวหลานสักทีสิ ไม่ก็พาเซียนหญิงเสี่ยวหลานขึ้นสวรรค์…พลังยุทธ์ฟื้นฟูแล้วไม่ใช่หรือ ทำอะไรไม่ได้บ้าง! พานางเล่นไพ่นกกระจอกต่อมันหมายความว่าอย่างไร!”
อันหลินครุ่นคิดแล้วได้สติทันใด
เขาชวนอย่างประหม่าว่า “เสี่ยวหลาน คืนนี้พระจันทร์งดงามปานนี้ เราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันหน่อยไหม”
สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้า พูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ว่า “ช่างมันเถอะ เล่นไพ่นกกระจอกไปแล้ว…อีกอย่างก็ดึกแล้วด้วย ครั้งหน้าแล้วกัน”
อันหลิน “…”
“ผ่อง![1]” พูดแล้วนางก็ใช้ไพ่เสาะสามสองตัวกินเสาะสามที่เจ้าอัปลักษณ์โยนออกมา แล้ววางลงบนมุมหนึ่งของโค๊ะ
อันหลินรู้สึกเหมือนสูญเสียเวลาอันมีค่าไป ใบหน้าจึงเศร้าหมอง
ในตอนนั้นเอง สาวใช้ทั้งสี่อย่างชุน เซี่ย ชิว ตงก็สนทนากันอย่างตื่นเต้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม