อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานมายังเรือนหลังหนึ่ง ที่นี่ปลูกต้นจื่อเถิงไว้มากมาย มองไกลๆ แล้วเหมือนก้อนเมฆสีม่วง งดงามยิ่งนัก
นี่เป็นเรือนที่สวีเสี่ยวหลานอาศัยอยู่ นับว่าเป็นเรือนที่ใหญ่มากในสำนักวิหคชาดแล้ว
สาวใช้ทั้งสี่อย่างชุน เซี่ย ชิว ตงเห็นการตกแต่งอันวิจิตร พืชพรรณอันงดงาม สระน้ำที่ใสสะอาด ไม่นานก็ตกหลุมรักเรือนหลังนี้ สุมหัวกันพูด เจี๊ยวจ๊าวอย่างเริงร่าไม่หยุด
อันหลินนอนเอกเขนกอาบแสงแดดอันอบอุ่นอยู่บนเก้าอี้ยาว กำลังหลับตาพักผ่อน
ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นต้าไป๋หยิบของสีทองคล้ายข้าวปั้นออกมาแล้วยัดใส่ปากไม่หยุด
“ต้าไป๋ เจ้ากินอะไรน่ะ” อันหลินพูดอย่างสงสัย
“นี่เป็นอาหารหมา โฮ่ง!” ต้าไป๋กินพลางพูดไปด้วย
อันหลิน “…”
เมื่อเห็นสีหน้าของอันหลิน ต้าไป๋จึงชี้แจงต่อว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้มรดกอาหารหมาจากโบราณสถานจื่อซิงมาไม่ใช่หรือ ตอนหลังข้าเลยปรุงอาหารหมาต ตามวิธีการของมรดก ไม่คิดเลยว่าอาหารหมาจะอร่อยมากทีเดียว! อีกอย่างถ้าเห็นคนอื่นพลอดรักกันแล้วรู้สึกอ้างว้าง กินอาหารหมาหนึ่งคำ[1] ทำให้ ผ่อนคลายสบายใจขึ้นมาทันทีเลย!”
“ต้าไป๋…ข้าทำให้เจ้าลำบากเสียแล้วใช่ไหม” อันหลินถามด้วยความเห็นใจ
ต้าไป๋น้ำตาคลอมองอันหลิน “พี่อัน ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจจิตใจของข้าสักที! เจ้าพลอดรักทุกวัน! ข้านึกว่าข้าไม่เป็นที่โปรดปรานแล้วเสียอีก ฮ ฮือๆ ๆ…โฮ่ง!”
“ข้าเข้าใจเจ้า แต่พวกพลอดรักอะไรเทือกนั้น เจ้าต้องทำตัวให้ชิน...” อันหลินลูบหัวของต้าไป๋แล้วพูดด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจต่อ
ต้าไป๋ชะงักเมื่อได้ฟัง ยัดอาหารหมาใส่ปากอีกหลายคำอย่างโมโหต่อ!
อันหลินมองอาหารหมาที่เป็นสีทองคล้ายข้าวปั้นแล้วพูดอย่างสงสัยว่า “อาหารหมาอร่อยจริงหรือ ให้ข้าลองชิมสักก้อนสิ”
“ข้าเหลือแค่อาหารหมาแล้ว เจ้าก็ยังจะแย่งข้าหรือ คนที่มีคนรักแล้วไม่คู่ควรจะมีอาหารหมา โฮ่ง!” ต้าไป๋พูดอย่างเศร้าเสียใจ
อันหลินพูดยิ้มๆ ว่า “เจ้ายังมีชิงหัวไม่ใช่หรือไง เจ้ากินอาหารหมาไปทำไม”
“ชิงหัวไม่ใช่คนรักของข้า ให้เจ้าเป็นคนรักกับหมาตัวเมีย เจ้าจะตกลงหรือ” ต้าไป๋กลอกตาพลางพูดอย่างดูแคลน
“ก็ถูก” อันหลินพยักหน้าเมื่อได้ฟัง คิดว่ามีเหตุผล
จากนั้นสีหน้าของเขาก็ชะงักงัน ได้สติกลับมา
ถูกกับผีน่ะสิ! ฉันไม่ใช่หมาเสียหน่อย!
ในตอนนั้นเอง หมาป่าดาบขาวก็เดินเข้ามา เพียงแต่ว่าท่าทางประหม่าและสำรวมนิดหน่อย
เดิมทีผิวหนังของมันถูกเกล็ดสีขาวปกคลุม ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมรบ ผิวหนังจึงเริ่มมีขนสีขาวปุกปุยงอกออกมา รูปร่างพองขึ้น มองแล้วเห หมือนจอมอ้วนหนักหลายร้อยกิโลกรัม
หมาป่าดาบขาวคุกเข่ากับพื้น พูดด้วยสีหน้านอบน้อมว่า “นายท่าน ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรหรือไม่ ไม่ว่าจะเฝ้าฐานปฏิบัติการ หรือขยายดินแดนเพ พื่อท่าน ข้าก็พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟ”
อันหลินได้ฟังก็อึ้ง
เฝ้าฐานปฏิบัติการเหรอ ฉันมีฐานปฏิบัติการที่ไหนกัน
ขยายดินแดนมันบ้าอะไรอีก ฉันไม่มีแม้แต่กองกำลังด้วยซ้ำ ขยายกับผีอะไร!
“แค่ก...หมาป่าน้อย ตอนนี้พวกเรากำลังเก็บตัว เจ้าอย่าได้รีบร้อนพิชิตสี่ทิศ ในระดับอย่างพวกเจ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพยายามเพิ่มพลังยุทธ์ ของตัวเอง!” อันหลินพูดอย่างนิ่งเฉย
หมาป่าดาบขาวพูดด้วยนัยน์ตาที่วาวโรจน์ “เผ่าอนารยชนของพวกเราจำต้องดื่มเลือดของศัตรูระหว่างการทำสงคราม จึงจะเพิ่มพลังยุทธ์ของตนได้!”
อันหลิน “…”
เป็นหมาป่าขนานแท้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เข้ากับสไตล์สัตว์เลี้ยงของเขาเลย!
บอกตามตรง เขาเริ่มอยากเลี้ยงหมาป่าตัวนี้ตามธรรมชาติเสียแล้ว
“พี่อัน อันที่จริงข้าใคร่ครวญปัญหาหนึ่งมาตลอด หมาป่าน้อยตัวนี้อยู่ลำดับที่เท่าใดกันแน่ เสี่ยวซื่อ (4) เสี่ยวอู่ (5) หรือเสี่ยวลิ่ว (6) ) โฮ่ง” ต้าไป๋เลียอาหารหมาในมือแล้วพูดขึ้นอย่างฉงนสนเท่ห์
หมาป่าดาบขาวทำหน้าสงสัย “สัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่พวกเจ้าสามตัวหรือ”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม