เป็นอีกราตรีที่งดงาม อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานชมดอกไม้ไฟตลอดทั้งคืน สุดท้ายก็กลับด้วยความสุขสม แยกย้ายกันกลับห้องไปพักผ่อน
เช้าตรู่วันต่อมา ทั้งที่อันหลินเพิ่งตื่นได้ไม่นาน ดวงตายังแดงก่ำ ชายหนุ่มที่ดูค่อนข้างองอาจคนหนึ่งก็มาหาเขาแล้ว
“ฮาย อันหลิน เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง แฮปปี้หรือไม่” ม่อไห่พูดพลางทำหน้ามีเลศนัย
“อืม แฮปปี้สิ ดอกไม้ไฟงดงามจริงๆ…” อันหลินยิ้มอย่างมีความสุข
ม่อไห่ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูอันหลินว่า “สำเร็จแล้วหรือ”
อันหลินทำหน้างุนงง “สำเร็จอะไร”
“อะแฮ่ม…ต้องให้ข้าบอกด้วยหรือ” ม่อไห่อมยิ้มมองอันหลิน “เมื่อคืนดอกไม้ไฟดังตูมตามไม่ขาดสาย คือว่า…เจ้ากับสวีเสี่ยวหลานไม่ได้จุดพลุ กันหรือ”
ดอกไม้ไฟดังไม่ขาดสาย
จุดพลุงั้นเหรอ
ให้ตายสิ!
มุมปากของอันหลินกระตุกยิกๆ เขาเหมือนจะเข้าใจคำพูดของม่อไห่แล้ว จึงถลึงตาใส่ม่อไห่อย่างอดไม่ได้ “ไปให้พ้น! ข้ากับเสี่ยวหลานเป็นความสัม มพันธ์แบบเพื่อนร่วมสำนักที่บริสุทธิ์ คิดบ้าอะไรน่ะ!”
ในตอนนั้นเอง ต้าไป๋ก็ออกมา “นั่นสิ พี่อันไร้เดียงสาเชียวละ ก็แค่จับมือกับจุมพิตไม่ใช่หรือ แม้แต่พลุก็ยังไม่กล้าจุด ผู้ชายประสาอะไร!”
มันถือข้าวปั้นสีทองยัดเข้าปาก ยัดพลางบ่นไปด้วย
อันหลิน “…”
อันหลินเห็นความคับแค้นใจกับความโกรธที่เขาไม่ได้ดั่งใจบนใบหน้าของต้าไป๋ มันเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง
“ช่างอิจฉาเจ้าจริงๆ ที่ได้ศิษย์น้องที่สวยที่สุดในสำนักของเราไปครอง ไม่เหมือนข้าที่ยังโดดเดี่ยวเดียวดาย” ม่อไห่เปลี่ยนประเด็น เริ่มรำพึง งรำพันอย่างเศร้าโศก
อันหลินเบะปาก “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นคนที่ถูกขนานนามว่าวิปริตที่สุดในรุ่นหนุ่มสาวของสำนัก หาคู่ครองคงยากมากเลยหรือ”
“เฮ้อ เป็นเพราะนิสัยที่ชอบสัมผัสแก่นแท้ของวิถีเพลิงจากเปลวไฟของข้านี่แหละ ชอบให้คู่ต่อสู้เผาตัวเองทุกวัน เล่นเอาลูกศิษย์หญิงที่งดงาม มมากมายคิดว่าข้าวิปริต” ม่อไห่เล่าปัญหาของตนโดยไม่ปิดบังอันหลิน
อันหลินตกใจ ไม่คิดว่าม่อไห่จะสำนึกรู้ในด้านนี้ของตัวเอง เขานึกว่าม่อไห่ไม่รู้เสียอีกแน่ะ!
ต้าไป๋อดพูดแทรกไม่ได้ว่า “ไม่ยากเสียหน่อย เจ้าเป็นมาโซคิสม์ ก็หาคนซาดิสม์สักคนก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือ ข้าเชื่อว่ามีสาวๆ ที่ชอบเล่นเทียน นหยด เล่นย่างไฟกับเจ้าอยู่ โฮ่ง!”
อันหลิน “…”
ม่อไห่มองต้าไป๋ด้วยความตะลึง อ้าปากค้าง สุดท้ายพูดเสียงเบาว่า “มีผู้หญิงแบบนี้อยู่จริงๆ หรือ ข้าน้อยเนื้อต่ำใจมาตลอด…เพราะนิสัยแบบนี้ ข้าคิดว่าข้าจะเดียวดายไปชั่วชีวิตเสียอีก...”
“ต้องมีอยู่แล้ว มาโซคิสม์อย่างเจ้ายังน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ ผู้หญิงที่เป็นซาดิสม์เหล่านั้นจะไม่น้อยเนื้อต่ำใจหรือไง พวกนางก็เลือกจะปิดบังรสนิ ยมของตัวเองเหมือนกัน เจ้าแค่ต้องกระตุ้นเนื้อแท้ของพวกนาง ให้ความมั่นใจแก่พวกนาง เช่นนั้นก็จะง่ายนิดเดียว โฮ่ง!” ใบหน้าของต้าไป๋เปี่ยมด้ วยอารมณ์ พูดเป็นตุเป็นตะ
ดวงตาของม่อไห่ลุกวาว ประหนึ่งว่าต้าไป๋ได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่ให้เขา
“อืม พูดถึงซาดิสม์ ศิษย์พี่ซ่างกวนเป็นเป้าหมายที่ดีเยี่ยมเลยไม่ใช่หรือ สร้างความประหลาดใจให้เจ้าเสมอๆ ต้องทำให้เจ้าตื่นเต้นสุดฤทธิ์สุดเดช แน่ๆ” อันหลินยิ้ม
“ศิษย์พี่ซ่างกวนหรือ…” ใบหน้าของม่อไห่ก็พลันกลายเป็นโศกเศร้าเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป” อันหลินสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงเอ่ยปากถาม
“นางหายตัวไปในมหาสงครามตามล่าเพลิงวิหคชาด จากที่เหล่าผู้อาวุโสสันนิษฐาน เป็นไปได้สูงว่านางจะถูกสาวหิมะจับตัวไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เหมัน นต์…” ม่อไห่พูดเบาๆ
อันหลินได้ฟังก็ชะงัก จากนั้นก็ขมวดคิ้วน้อยๆ “พรสวรรค์วิถีน้ำแข็งของศิษย์พี่ซ่างกวนอี้น่ากลัวอย่างยิ่ง สาวหิมะคงจะมองเห็นพรสวรรค์ของนาง งเช่นกัน มิเช่นนั้นไม่มีเหตุผลที่จะจับนางไป”
“เฮ้อ พบพรากไม่แน่นอนเลย ศึกนั้นกระทบกระเทือนสำนักวิหคชาดของเราอย่างใหญ่หลวงเหลือเกิน สะเทือนไปถึงรากฐานของสำนัก” ม่อไห่ส่ายหน้าเบาๆ “ท ที่เจ้าเห็นท่าทางผ่อนคลายของปรมาจารย์ ที่จริงข้าได้ข่าวว่าเขาบาดเจ็บสาหัสมาก ไม่นานก็จะเก็บตัวบำเพ็ญแล้ว”
“เจ้าสำนักทราบข่าวก็ฝืนใจกลับจากแดนมรณะเพลิงปีศาจ ด้วยความพิโรธ จึงบีบคั้นแนวรบของแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ให้ถอยออกไปสามพันกว่าลี้ เข่นฆ ฆ่าสาวหิมะร่วมล้านชีวิต แต่ก็ไม่อาจกอบกู้พลังปราณที่เสียหายอย่างแสนสาหัสของวิหคชาดได้ เคราะห์ดีที่พวกเจ้าชิงเพลิงศักดิ์สิทธิ์มาได้ มิ เช่นนั้นสำนักวิหคชาดของเราก็ยากจะผ่อนคลายได้จริงๆ”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม