อันหลินได้ฟังก็ไม่ปฏิเสธอีก เดินเข้าไปในหอนภาขาวพร้อมกับผู้อาวุโสจูและสวีเสี่ยวหลาน
เมื่อข้ามลายน้ำต้องห้ามแล้ว คลื่นพลังงานที่มีมวลมหาศาลอย่างยิ่งก็ถาโถมเข้ามา
อันหลินเห็นอาวุธที่ละลานตาปรากฏตรงหน้าของตน ทุกชิ้นล้วนแต่เปล่งประกายอันไร้ที่เปรียบ ลอยอยู่กลางนภา มีบางชิ้นถึงขั้นขยับไปมาอย่างมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
เขามองอาวุธยี่สิบกว่าชนิด เมื่อสัมผัสคลื่นพลังงานพบว่าอาวุธเหล่านี้เป็นอาวุธเซียนทั้งหมด!
อันหลินมองจนตาโต แต่ฝีเท้าของผู้อาวุโสจูไม่หยุดยั้ง แต่ก้าวขึ้นไปยังชั้นที่สอง
หอนภาขาวมีทั้งสิ้นสามชั้น ได้ยินว่าชั้นที่สูงสุดเป็นอาวุธเทวะประจำสำนัก มีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่ใช้ ส่วนชั้นที่สองเป็นอะไรนั้นอันหลินไม่ทราบแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงสงสัยขึ้นมา
ชั้นสองของหอนภาขาวค่อนข้างแปลก เป็นห้องสีเหลืองทองที่มองไปรอบกายไม่เห็นขอบเขต
“ออกมาเถิดอาวุธดั้งเดิมวิหคชาด!” ผู้อาวุโสจูตะโกนลั่น
จากนั้นอาวุธที่ส่องแสงระเรื่อหกชิ้นก็ลอยมาหาอันหลินกับสวีเสี่ยวหลาน
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานต่างก็นิ่งอึ้งกับที่เมื่อได้ยินคำว่าอาวุธดั้งเดิมวิหคชาด
สมญานามของอาวุธดั้งเดิมวิหคชาดเรียกได้ว่าสะเทือนเลือนลั่นสำหรับทั้งสอง ฐานะในสำนักวิหคชาดของมันเทียบเท่าสุดยอดสมบัติ! มันเป็นอาวุธที่ล้ำค่ายิ่งกว่าอาวุธเซียนเป็นอักโข ได้ยินว่าทุกชิ้นล้วนมีพลังอันสุดแท้หยั่งถึง ประเมินมูลค่าไม่ได้
อาวุธดั้งเดิมวิหคชาดมีทั้งสิ้นสิบชิ้น นอกจากหกชิ้นที่อยู่ตรงนี้แล้ว ตอนนี้ในสำนักวิหคชาดมีเพียงเจ้าสำนักจูซีเจ๋อ ปรมาจารย์ซือถูเฟิ่ง ผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานที่มีอาวุธดั้งเดิม และมีอีกชิ้นที่สูญหาย
“มาเถิด พวกเจ้ามาเลือกชิ้นหนึ่งที่ถูกชะตาเถิด” ผู้อาวุโสจูยิ้ม
“มัน…ไม่ค่อยดีกระมัง…” อันหลินกลืนน้ำลายเอื๊อก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำลายของตนไหลออกมา
“อย่าลำบากใจไปเลย พวกเจ้าเป็นลูกศิษย์สำนักวิหคชาด แถมยังเป็นคนที่สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง ผ่านประชามติของผู้อาวุโสแล้วว่า พวกเจ้ามีสิทธิ์สืบทอดอาวุธดั้งเดิมวิหคชาดคนละหนึ่งชิ้น” ผู้อาวุโสจูกล่าว
สวีเสี่ยวหลานไม่มีความเห็นกับเหตุไม่คาดฝันครั้งนี้ แต่จ้องกำไลสีเพลิงชิ้นหนึ่งอย่างตะลึงงัน ใบหน้าเจือความมึนงงและอาลัยอาวรณ์
นางชี้กำไลวงนั้นแล้วพูดว่า “ข้าเอามันนี่แหละ”
“กำไลวิหคชาดหรือ อืม มันก็ควรเป็นของเจ้านั่นแหละ” ใบหน้าของผู้อาวุโสจูก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้ายอมรับ
จากนั้นค่ายกลสีขาวก็ปรากฏเหนือกำไลสีแดง
กำไลสีแดงถูกพลังบางอย่างชักนำ ลอยมาหาสวีเสี่ยวหลานอย่างมีปัญญา จากนั้นสวมลงบนข้อมือขาวผ่องของสวีเสี่ยวหลานอย่างนุ่มนวล
อันหลินเห็นดังนั้นก็ลอบอุทานว่ากำไลวงนี้เหมาะสมกับสวีเสี่ยวหลานมาก ต่อไปถ้ามอบของขวัญก็ข้ามกำไลไปได้เลย
เวลานี้อาวุธดั้งเดิมวิหคชาดเหลือเพียงห้าชิ้น โล่หนึ่งชิ้น กระบี่หนึ่งเล่ม ลูกประคำหนึ่งเม็ด พู่กันหนึ่งด้ามและคันฉ่องหนึ่งบาน
ในฐานะของเซียนกระบี่ที่บำเพ็ญตน อันหลินถูกใจกระบี่ยาวที่มีประกายรัศมีเปลวเพลิงสีทองเล่มนั้นตั้งแต่แวบแรก เขาชี้กระบี่เล่มนั้นแล้วพูดว่า “ข้าเอากระบี่เล่มนี้!”
ผู้อาวุโสจูพยักหน้ายิ้มๆ “กระบี่วิหคชาดแหลมคมไร้เทียมทาน สามารถชักนำอัคคีฟ้าดิน แผดเผาสรรพสิ่งได้ เป็นอาวุธมีคมพิฆาตอันดับหนึ่ง เหมาะสมกับเจ้าจริงๆ”
อันหลินพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ในฐานะของเซียนกระบี่ มีกระบี่ดำทะมึนแค่เล่มเดียวได้อย่างไร ยามเก๊กขรึมก็ต้องใช้กระบี่ที่งดงามยิ่งใหญ่ ถึงจะเผยความสง่างามได้!
ผู้อาวุโสจูประสานอิน ค่ายกลสีขาวปรากฎเหนือกระบี่ กระบี่ยาวแผดร้องทันใด
จากนั้นกระบี่ยาวก็เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ขยับไปข้างหลังแล้วเหาะหายไปหน้าทั้งสามคน
อันหลิน “… ผู้อาวุโสจู มันหมายความว่าอย่างไร”
ผู้อาวุโสจูอีหลักอีเหลื่อเล็กน้อย “เอ่อ…ดูเหมือนกระบี่วิหคชาดจะปฏิเสธ…แต่ไม่เป็นไร แม้สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นน้อยครั้ง แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่ปกติ…”
อันหลินแน่นหน้าอกทันทีที่ได้ฟัง เหตุการณ์เกิดขึ้นน้อยครั้ง ไม่เป็นไรงั้นเหรอ
จะว่าไปผู้อาวุโสจูพูดแบบนี้เพื่อปลอบใจกันงั้นเหรอ!
เขามองอาวุธดั้งเดิมวิหคชาดสี่ชิ้นที่เหลือแวบหนึ่ง กำลังจะเตรียมตัวเลือกต่อ จากนั้นประคำสีแดงกับพู่กันก็เหมือนว่าจะสัมผัสอะไรได้ สั่นระริกครู่หนึ่งแล้วลอยหายไปทันที
อันหลินมองผู้อาวุโสด้วยความงุนงง
ผู้อาวุโสจูมองอันหลินอย่างผู้บริสุทธิ์ “เจ้าเลือกอีกสักหน่อยดีไหม ถ้าไม่ได้จริงๆ ข้าค่อยเชิญปรมาจารย์มา”
อันหลินมองโล่กับคันฉ่องตรงหน้า มุมปากกระตุกยิกๆ
เลือกอีกงั้นเหรอ มีอะไรให้เลือกอีก นี่มันเลือกหนึ่งในสองอย่างชัดๆ!



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม