จู่ๆ อันหลินก็กำหมัดแล้วกัดฟันพูดว่า “มนุษย์เอาชนะสวรรค์ได้ ข้าไม่ยอมแพ้หรอก!”
พูดจบเขาก็เบนสายตามองบัลลังก์ในตำหนัก
ไม่มีเวลาแล้ว เขาต้องชิงสิทธิ์เข้าสู่แดนโบราณบรรพกาลมาในเวลาอันสั้นให้ได้
อันหลินสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นหนักแน่นอย่างยิ่ง ย่างไปหาจักรพรรดิจื่อเวยทีละก้าว
จักรพรรดิจื่อเวยลืมตาขึ้น แววตาสะท้อนร่างที่กำลังเดินมาของเขา ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบางๆ
อันหลินเดินเข้าไปใกล้แล้วคำนับอย่างนอบน้อม จากนั้นพูดเข้าประเด็นโดยตรง “จักรพรรดิจื่อเวย ข้าต้องการชิงสิทธิ์เข้าสู่แดนโบราณบรรพกาล ข้าคิดว่าข้ามีศักยภาพ ไม่ด้อยไปกว่าผู้อา าวุโสที่ได้เข้าแดนโบราณเลย กรุณาให้โอกาสข้าด้วยเถอะ”
“โอ๊ะ สหายอันหลิน มองไม่ออกเลยนะว่ามีใจจะบุกแดนอันตราย อาจหาญผจญภัยด้วย” จื่อเวยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ข้ารู้ว่าศักยภาพของเจ้าใช้ได้มาก รายชื่อที่เข้าสู่แดนโบราณบรร รพกาลควรจะมีของเจ้า แต่ข้าปฏิเสธ เจ้าห้ามเข้าไปเด็ดขาด”
อันหลินได้ยินคำปฏิเสธที่เถรตรงปานนี้ก็ยืนอึ้งกับที่ ผ่านไปหลายอึดใจถึงเอ่ยถามว่า “เพราะอะไร”
“เพราะข้าเห็นหว่างคิ้วของเจ้าเป็นสีดำ ไม่เหมาะแก่การเดินทางไกล เพราะสำหรับสรวงสวรรค์แล้ว ความสำคัญของเจ้าสูงล้ำกว่าเซียนสวรรค์ทั่วไปด้วยซ้ำ” จักรพรรดิจื่อเวยพูดอย่างมีเลศนัย
อันหลินตกตะลึงอีกครั้ง
หว่างคิ้วดำงั้นเหรอ
ให้ตายสิ หายนะของเขามันชัดเจนถึงขั้นนี้เลยเหรอ!
อันหลินสูดหายใจเข้าลึกแล้วยืนกรานว่า “ตามทำนองคลองธรรมเป็นมนุษย์ ขัดทำนองคลองธรรมเป็นเซียน หากคิดจะหลบหนีเมื่อพบเจอความลำบาก แล้วจะบรรลุมรรคาอันสูงส่งได้อย่างไร”
จักรพรรดิจื่อเวยตาเป็นประกาย “โอ้ คำพูดนี้ไม่เลวเลย”
อันหลินลอบยิ้มอย่างพอใจ คิดในใจว่าดีนะที่เมื่อก่อนชอบอ่านนิยายบำเพ็ญเซียน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีบท
“ข้ายอมมอบวัยหนุ่มและความรักในความถูกต้องของข้า พยายามช่วงชิงผลึกต้นกำเนิดมาเติมอิฐเพิ่มกระเบื้องให้สิ่งปลูกสร้างของสรวงสวรรค์! สร้างความยิ่งใหญ่รุ่งเรืองให้สรวงสวรรค์!” อันห หลินยิ่งพูดก็ยิ่งฮึกเหิม
จักรพรรดิจื่อเวย “…”
“งั้นเอาอย่างนี้ เทพอสูรยังมีภารกิจต้องเฝ้าประตูสวรรค์ทักษิณ บังคับเขาไปแดนโบราณบรรพกาลไม่ค่อยเหมาะสม เจ้าแทนที่เขามุ่งหน้าสู่เขตดารามายาดีไหม” จักรพรรดิจื่อเวยยิ้ม
“เขต…เขตดารามายามีแค่ยอดฝีมือหวนสู่ความว่างเปล่าที่จะเข้าไปได้ไม่ใช่หรือ ข้าไม่ไหวหรอก!” อันหลินพูดด้วยความตกใจ
“ที่จำกัดพลังยุทธ์มีแต่เขตเทพโบราณเท่านั้น เขตดารามายาไม่มีข้อจำกัดทางพลังยุทธ์มากนัก ขอแค่เป็นนักพรตต่ำกว่าหวนสู่ความว่างเปล่าก็เพียงพอแล้ว เพียงแต่อุโมงค์นั่นจุคนได้น้ อยเหลือเกิน แถมสถานที่ก็อันตรายเกินไป พวกเราถึงได้ส่งเซียนสวรรค์หวนสู่ความว่างเปล่าไป” จักรพรรดิจื่อเวยชี้แจง
อันหลิน “…”
ตอนนี้อันหลินเสียสติแล้ว ให้ระดับแปลงจิตอย่างเขาไปเล่นกับพวกหวนสู่ความว่างเปล่างั้นเหรอ
นั่นมันดินแดนอันตรายที่แม้แต่ระดับหวนสู่ความว่างเปล่าก็อาจจะตายได้เลยนะ!
เขาไม่มีความกล้าหรอกนะ เหลียงจิ้งหรู[1]หนึ่งร้อยคนก็ไม่ไหวหรอก!
“หือ เป็นอะไรไป ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าจะถอยงั้นหรือ ไหนบอกว่าตามทำนองคลองธรรมเป็นมนุษย์ ขัดทำนองคลองธรรมเป็นเซียนไม่ใช่หรือ” จักรพรรดิจื่อเวยเห็นสีหน้าลังเลของอัน นหลินก็อดหัวเราะไม่ได้
พับผ่าเอ๊ย! ไปเขตดารามายาต่างอะไรกับการไปตายล่ะ! ต้องลังเลอยู่แล้วสิ!
ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว สงบเสงี่ยมไปร้อยปีแล้วค่อยเคียงคู่สวีเสี่ยวหลานไปตราบนิรันดร์ ก็ดูท่าจะไม่เลวเหมือนกัน…
“ฮ่าๆ ๆ เอาละ สหายอันหลิน ข้าจะไม่ขู่เจ้าแล้ว” จู่ๆ ใบหน้าที่เย็นชาของจักรพรรดิจื่อเวยก็มีสีหน้าของคนที่กลั่นแกล้งได้สำเร็จปรากฏขึ้น หยิบชุดสีดำออกจากแหวนมิติแล้วยื่นให้อ อันหลิน
อันหลินไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มีคนมอบสิ่งของให้เขา ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่รับ
เขารับชุดสีดำมาแล้วพบว่าบนชุดสีแสงสีขาวระยิบระยับบางๆ เหมือนดวงดาวที่เดียรดาษเต็มท้องฟ้ายามราตรี
“นี่คือชุดลวงดารา เมื่อสวมมันแล้วจะหลบหลีกการตรวจสอบของอสูรดาราได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถปลอมแปลงพลังยุทธ์อีกด้วย หากไม่ใช่ยอดฝีมือเหนือระดับรวมมรรคาจะจับไม่มีทางจับได้ นี่มันสมบัติระดับอาวุธเซียนเชียวนะ ตอนนี้ข้ามอบมันให้เจ้าแล้ว เมื่อเข้าไปในแดนโบราณบรรพกาลแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าช่วยอะไรอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เด็ดผลดาราพรายจากขุนเขาแ แสงดาวกลับมา” จักรพรรดิจื่อเวยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม