ถ้าทำได้ละก็ อันหลินไม่อยากดูภารกิจที่ระบบบ้าๆ มอบหมายให้เลยจริงๆ
อา…ถ้าส่งระบบที่เลวทรามนี่ไปทำร้ายคนอื่นได้ก็คงดี…
จู่ๆ อันหลินก็มีความคิดแบบนี้
จากนั้นไม่รู้ด้วยสาเหตุใด เขานึกถึงเซียนชราในตอนนั้น ร่างกายก็พลันสั่นสะท้าน เกิดความรู้สึกสั่นเทาทั้งที่ไม่หนาว
ให้ตายสิ…รู้สึกเหมือนถูกเขาหลอกเลย!
ทว่าตอนนี้อันหลินยังไม่มีทักษะถ่ายโอนระบบ และเขาก็ไม่มีความกล้าจะถ่ายโอนด้วย
เพราะสไตล์การบำเพ็ญเซียนของเขาบิดเบี้ยวถึงขั้นที่คนทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้แล้ว ถ้าเสียระบบอันนี้ไป เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะบำเพ็ญเซียนอย่างไร…ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีระบบอ อยู่ก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรบำเพ็ญเซียนอย่างไร แต่ย่อมดีกว่าไม่มีทิศทาง…
เขาเปิดหน้าจอของระบบขึ้นมาท่ามกลางเสียงถอนหายใจอันโศกเศร้า
เป็นอย่างที่คิด แถบภารกิจพิเศษกำลังเปล่งแสงอย่าง ‘ชั่วร้าย’
‘ตรวจสอบพบว่าโฮสต์มีโอกาสเข้าสู่แดนโบราณบรรพกาล จึงมอบหมายภารกิจให้ดังนี้’
‘รวบรวมผลึกต้นกำเนิดสีทองสิบก้อนภายในหนึ่งเดือน พร้อมกับดูดซึม’
‘ภารกิจสำเร็จรับต้นแบบกายแห่งเทพสงคราม’
‘ภารกิจล้มเหลวจะเปลี่ยนโฮสต์ให้เป็นขันทีหนึ่งร้อยปี’
‘ป.ล. ปฏิเสธภารกิจนี้ไม่ได้’
“เหอะๆ…” อันหลินหัวเราะเจื่อนๆ เส้นเลือดปูดโปนบนหัวทันที
ก่อนหน้านี้เป็นขันทีสามปี ตอนนี้ขันทีหนึ่งร้อยปี
แม่-เอ๊ย! เกินไปแล้ว!
ถึงแม้ว่า…เขาจะรักษาความบริสุทธิ์เพื่อสวีเสี่ยวหลานหนึ่งร้อยปี แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับการพรากจากน้องชายหนึ่งร้อยปีได้!
ตอนนี้อันหลินตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าอยากทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เขาก็ต้องเข้าไปในแดนโบราณบรรพกาล แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าเขากระโดดเข้าไปในแดนอุกกาบาตถล่ม มด้วยตัวเองน่ะสิ! เดินตามสายหลักของชะตาไปสู่อนาคตที่แดงจนม่วง…
คิดจะเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงจะต้องกระโดดออกจากสายหลักของชะตา ถ้างั้นก็ต้องตัดสินใจทำเรื่องที่เขาไม่เคยทำมาก่อนอย่างเด็ดขาด…เป็นขันทีหนึ่งร้อยปี!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันหลินก็เบ้าตาเปียกชุ่มแล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่าความเฉื่อยของโชคชะตาจะสูงปานนี้ การเปลี่ยนแปลงประการนี้เขาทำได้ยากมากเหลือเกิน…
“อันหลิน เจ้าคิดว่าจะเข้าแดนโบราณบรรพกาลหรือไม่” จู่ๆ หวังเสวียนจ้านก็โพล่งถามขึ้นมา
อันหลินมองหวังเสวียนจ้านแวบหนึ่งแล้วย้อนถามว่า “ถ้าเกิดว่ามีตัวเลือกสองทางวางอยู่ตรงหน้าท่าน อันหนึ่งคือท่านจะเผชิญกับหายนะที่น่ากลัวอย่างยิ่ง อีกอันคือท่านหลบลี้อันต ตรายได้ แต่ท่านต้องเป็นขันทีไปหนึ่งร้อยปี ท่านจะเลือกอะไร”
ใบหน้าเย็นชาของหวังเสวียนจ้านกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ชายชาตรีอย่างหวังเสวียนจ้านคนนี้ผงาดง้ำค้ำฟ้า เป็นขันทีไม่ได้แม้แต่วันเดียว!”
อันหลินได้ยินดังนั้นก็พรูลมหายใจ “ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน มันเป็นศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ต่อให้ข้างหน้าเป็นภูเขามีดทะเลเพลิง ก็จะเสียน้องชายไปไม่ได้!”
“ใช่! มันต้องแบบนี้! นี่เป็นขีดจำกัด และเป็นหลักการ ไม่ว่าหายนะใดก็ไม่อาจทำให้เรายอมศิโรราบได้!” หวังเสวียนจ้านฮึกเหิมขึ้นมา
“โอ้ พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ ดูท่าทางสุดยอดยิ่งนัก” จู่ๆ ก็มีหญิงงามที่สวมชุดแดงคนหนึ่งเยื้องย่างเข้ามา บนข้อมือขาวสวมกำไลทองคู่หนึ่ง
อันหลินกับหวังเสวียนจ้านเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นหญิงรูปงาม ไหนเล่าจะกล้าถกประเด็นนี้ต่อ หน้าพลันแดงก่ำ เริ่มเปลี่ยนประเด็นสนทนา
หวังเสวียนจ้านยิ้มอย่างเก้อเขินแต่ไม่เสียมารยาทแล้วอธิบายว่า “พวกเรากำลังหารือกันว่าจะเข้าแดนโบราณบรรพกาลหรือไม่”
อันหลินพยักหน้า “จากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าเป็นลูกผู้ชายจะหย็องไม่ได้”
“แล้วสตรีหย็องได้หรืออย่างไร” หญิงสาวป้องปากขำ ใบหน้ามีรอยยิ้มงดงามผุดขึ้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม