อันหลินคิดว่าเรื่องนี้จะประวิงเวลาไม่ได้ จึงตัดสินใจจะมุ่งหน้าสู่ตำหนักดวงจันทร์ทันที
เมื่อถึงตำหนักดวงจันทร์ก็ไม่ต้องสนหายนะบ้าบออะไรแล้ว ขอแค่เกาะขาพี่ฉางเอ๋อไว้ให้แน่น ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา!
อันหลินเดินออกจากประตูของบ้านพัก กำลังจะขี่ก้อนอิฐลอยขึ้น
จู่ๆ ก็มีคลื่นแว่วมาจากเวหาระลอกหนึ่ง เสาแสงต้นหนึ่งพุ่งลงจากฟ้ากระแทกร่างของเขา มันเป็นเสาแสงที่แฝงด้วยพลังมิติ!
อันหลินเย็นวาบไปทั้งตัว เขาพลันนึกถึงหายนะที่แดงจนม่วงนั้นขึ้นมา
ให้ตายสิ! นี่เป็นการโจมตีที่มีเขาเป็นเป้าหมายหรือ ใครบังอาจลงมือภายในอาณาเขตของสรวงสวรรค์กัน
อย่าป่าเถื่อนและโจ่งแจ้งขนาดนี้ได้ไหม!
ทำไมเหตุถึงเกิดขึ้นเร็วปานนี้ ไม่ให้เวลาตั้งตัวกันหน่อยเลยเหรอ!
คอยดูนะว่าฉันจะรายงานบัค!
ขณะที่อันหลินกำลังสบถในใจไม่หยุดนั้น จู่ๆ ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะก็เข้าจู่โจม
เพียงชั่วพริบตา เขาก็มาถึงตำหนักสีขาวอันใหญ่โตมโหฬารหลังหนึ่ง
อันหลินเกร็งไปทั้งตัว จิตใจหวาดระแวง ถึงขั้นว่ากำกระบี่พิชิตมารในชั่วอึดใจ
แต่วินาทีต่อมาเขาก็ชะงักงัน เพราะภายในตำหนักมีคนอยู่หลายสิบชีวิต ต่างก็มองรอบตัวด้วยความงุนงง แถมมีพลังปราณยิ่งใหญ่กันทุกผู้ทุกคนด้วย
“อันหลิน!” เสียงที่คุ้นเคยแว่วมาทันใด
พออันหลินหันไปมองก็พบชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะ ถือหอกยาวลายมือกรกำลังมองตนด้วยความตะลึง
“ศิษย์พี่หวัง! ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!” อันหลินทำหน้าแปลกใจ
ชายคนนั้นเคยเป็นอันดับหนึ่งของอันดับเซียน หวังเสวียนจ้านนั่นเอง!
หวังเสวียนจ้านหิ้วหอกยาวเข้ามาหาอันหลิน หอกยาวยังเปื้อนคราบเลือดสีน้ำเงินอยู่ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…ข้ากำลังฆ่าศัตรูที่แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ จู่ๆ ป้ายอาญาสิทธิ์ก็เปล่งแ แสงขณะที่กำลังรบ จากนั้นก็ถูกส่งมาที่นี่แล้ว เจ้าล่ะมาได้อย่างไร”
“อา เสาแสงต้นหนึ่งพุ่งลงจากท้องฟ้ามากระแทกข้า จากนั้นก็มาโผล่ที่นี่แล้ว…ข้านึกว่าศัตรูจู่โจมจะตกไปอยู่ในรังของสัตว์ประหลาดเสียอีก ยังดีที่สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ได้เลวร้ ายปานนั้น…” อันหลินพรูลมหายใจอย่างโล่งอกแล้วพูดช้าๆ
หวังเสวียนจ้านยิ้มเล็กน้อย “คงจะถูกพลังของสรวงสวรรค์เรียกตัวมาที่นี่กันทั้งนั้น ที่นี่มีใบหน้าที่คุ้นเคยไม่น้อยเลย พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อในสรวงสวรรค์ เจ้าดูชายหนุ่ม มผมยาวสีน้ำเงินคนนั้นสิ ชื่อเฉินเต้าอวิ๋นเป็นศิษย์พี่ที่โตกว่าข้าถึงสามรุ่น เคยเป็นอันดับหนึ่งของอันดับเซียน ตอนนี้น่าจะอยู่ในระดับแปลงจิตขั้นปลายแล้ว แล้วดูผู้หญิงท ที่ค่อนข้างตัวเล็กนั่นสิ ชื่อหลิวฉู่ฉู่ เป็นศิษย์พี่ที่โตกว่าข้าถึงสิบรุ่น ตอนนี้อยู่ในระดับสุดยอดแปลงจิต ข้าเคยเห็นภาพวาดของนางในหอวีรชนของสำนัก…ส่วนเซียนที่ประจำการ รอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของสรวงสวรรค์เหล่านั้น คงไม่ต้องให้ข้าแนะนำกระมัง…”
อันหลินพยักหน้าอย่างจริงจัง ตอนนี้เขาพินิจดูคนหลายสิบชีวิตในตำหนัก ยิ่งมองก็ยิ่งตกใจ คนระดับแปลงจิตหกสิบคนโดยรวมถึงตัวเขาด้วย แทบจะทุกคนที่อยู่ในระดับที่เหนือกว่าระ ะดับแปลงจิต
มีอีกห้าคนที่เขาไม่อาจล่วงรู้พลังยุทธ์ได้ แต่ห้าคนนั้นกลับจดจำได้ง่ายอย่างยิ่ง ขอแค่เคยเรียนในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนของสรวงสวรรค์ ไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขา
เทพท่องทิวาสวมชุดสีแดง ดวงตาดุจตะวันฉาน มือถือป้ายเซียน ‘ท่องตะวัน’
เทพท่องราตรีที่สวมชุดสีดำ ร่างกายปกคลุมด้วยหมอกดำ ด้านหลังมีโซ่ตรวนยาวเหยียด
เทพอสูรที่รูปร่างสูงใหญ่ถึงสามเมตรเต็มๆ มือถือขวานสีแดงอันใหญ่
หลี่ว์ต้งปินที่สะพายกระบี่ รูปโฉมหล่อเหลา หนึ่งในแปดเซียนที่ปกครองตำหนักกระบี่ของสรวงสวรรค์
เหอเซียนกู เซียนที่เท้างามย่ำภาพมายาบงกช มือถือดอกบัวที่เบ่งบาน รูปโฉมงานล่มเมือง
อันหลินสังเกตทั้งห้าคนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความสงสัย นั่นมันเซียนที่โด่งดังที่สุดในสรวงสวรรค์เชียวนะ ไม่รู้ว่าวีรกรรมของพวกเขาแตกต่างจากตำนานบนโลกมากแค่ไหน
ราวกับรับรู้ได้ถึงสายตาบางอย่าง จู่ๆ หลี่ว์ต้งปินก็หันหน้ามองมองอันหลินแล้วยิ้มอย่างมีมารยาท


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม