“ช่วยเอาสร้อยไข่มุกนี่ให้ผม ใช่ แถวนี้นี่แหละ ห่อให้หมด!”
“สร้อยเพชรในตู้นี้เอาออกมาให้หมดด้วย!”
“กำไลเงินหนึ่งร้อยวง! ใช่ เอาแบบนี้นี่แหละ!”
“อะไรนะ มีไม่พองั้นเหรอ ร้านอัญมณีใหญ่โตขนาดนี้ ทำมาหากินยังไงเนี่ย”
“เฮ้อ เสี่ยวหลาน จี้พระมรกตนั่นก็อยู่ในใบรายการเหมือนกัน โยนใส่ถุงกระสอบเลย…”
พนักงานขายยุ่งมือเป็นระวิง หยิงอัญมณีออกจากตู้สินค้าไม่ขาดสาย
เป็นครั้งแรกที่พวกเธอรู้สึกว่าการขายอัญมณีสนุกขนาดนี้ ไม่ต้องเปลืองน้ำลายหว่านล้อมให้ลูกค้าซื้อ เพียงแค่หยิบออกจากตู้ไม่หยุดหย่อนก็พอแล้ว ความรู้สึกแบบนี้…เยี่ยมจริงๆ!
หากไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนั้น วางบัตรธนาคารมูลค่าพันล้านลงบนเคาน์เตอร์ พวกเธอก็คงคิดว่าตัวเองกำลังช่วยหยิบของให้โจรอยู่!
ผู้จัดการสาวสวยของร้านอัญมณียืนชิดอันหลิน ช่วยเขาหิ้วถุงกระสอบพลางยิ้มเอาใจ
เมื่อเธอคิดว่าหลังจบการค้าขายนี้ จะได้ผลประกอบการอันใหญ่โตกับค่าคอมมิชชั่นก้อนใหญ่ รอยยิ้มก็หยาดเยิ้มยิ่งขึ้น ออกแรงกางปากถุงกระสอบให้อ้ากว้าง หวังว่าจะใส่ได้เยอะขึ้น ความรู้สึกแบบนี้…เยี่ยมไปเลย!
ไม่ง่ายเลยกว่าอันหลินจะได้สัมผัสความรู้สึกของเศรษฐี โยนกำไลที่ราคาสูงวงแล้ววงเล่าลงในถุงกระสอบราวกับเป็นผักกาดขาว ความรู้สึกแบบนี้…เยี่ยมไปเลย!
มีผู้คนเบียดเสียดมุงดูเต็มนอกร้านอัญมณี
พวกเขามองฉากอันตระการตาที่เกิดขึ้นภายในร้านอัญมณีด้วยความตะลึงงัน
หากไม่ใช่เพราะใบหน้าของพนักงานขายและผู้จัดการมีรอยยิ้มแห่งความสุข พวกเขาคงคิดว่าร้านอัญมณีร้านนี้ถูกปล้นแล้ว!
“ซื้ออัญมณีเหมือนกัน ทำไมถึงแตกต่างกับคนเขาขนาดนี้ล่ะ”
“ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ที่แท้คนรวยซื้อของแบบนี้นี่เอง”
“คนรวยฉันเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว แต่ไม่เคยเห็นคนรวยที่เสียสติซื้อกำไลอย่างบ้าคลั่งแบบนี้!”
“กวาดซื้ออย่างใจป้ำแบบนี้ คงไม่ใช่คุณชายหวังชงคนนั้นหรอกนะ”
“ไม่มีทาง ชายคนนั้นหล่อกว่าคุณชายหวังเยอะเลย!”
“คุณพระ ฉันอยากวิ่งเข้าไปถามเศรษฐีรูปหล่อคนนั้นเหลือเกินว่าขาดคู่ขาหรือเปล่า”
“เลิกเพ้อฝันได้แล้ว ไม่เห็นผู้จัดการสาวสวยของร้านอัญมณีคนนั้นเหรอ ผู้ชายเดินไปไหน เธอก็ตามไปนั่น…แย่งตำแหน่งคู่ขาไปตั้งนานแล้ว!”
…
ไม่นาน อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานก็ยกเค้าอัญมณีเกือบเกลี้ยงร้าน…
เอ๊ะ ไม่สิ กว้านซื้อจนเกลี้ยงต่างหาก!
จากนั้น อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานก็ยกกระสอบไปเก็บในรถ ท่ามกลางความยินดีปรีดาของพนักงานและฝูงชนที่ขนาบสองข้างทาง
ตลอดทางนี้ เหตุการณ์แตกตื่นผิดปกติ ราวกับมีดาราใหญ่บางคนปรากฏตัวในห้างสรรพสินค้าอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อกลับถึงรถ อันหลินก็เริ่มย้ายอัญมณีเหล่านั้นไปเก็บในแหวนมิติ
อันที่จริงนักพรตในแคว้นจิ่วโจว ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเครื่องประดับในแดนมนุษย์พวกนี้เป็นพิเศษ เพียงแค่สงสัยใคร่รู้ ถึงได้วานให้อันหลินช่วยหิ้วกลับไปให้
พวกมันกำเนิดในแดนมนุษย์ และผ่านการผลิตด้วยฝีมืออันมีเอกลักษณ์ของแดนมนุษย์ เป็นสินค้าเฉพาะถิ่นของแดนมนุษย์ เสมือนเป็นของฝากจำพวกสวยงามน่าสนใจ เบื่อๆ ก็หยิบมาดูเล่นได้ น้อยคนที่จะสวมใส่ติดตัวอยู่ตลอดเวลา
และเป็นเพราะเหตุนนี้เอง เงื่อนไขในการซื้อเครื่องประดับของพวกเขาจะต่ำลงอย่างมาก โดยทั่วไปแล้วไม่กำหนดรูปแบบและคุณภาพ
เช่นสร้อยเพชร พวกเขาต้องการแค่สร้อยคอประดับเพชรก็เพียงพอแล้ว ไม่สนใจว่ารูปแบบเป็นอย่างไร แม้กระทั่งว่าเพชรกี่กะรัตก็ไม่สนใจ อันหลินเองก็หมดกังวลเช่นกัน
แต่ว่า ซื้อเสื้อผ้าในลำดับต่อไป เป็นงานยากแล้ว
เสื้อผ้าในแดนมนุษย์ค่อนข้างสมัยนิยม เป็นที่โปรดปรานของนักพรตบางคน
มีนักพรตบางส่วนมักจะใส่เสื้อผ้าของแดนมนุษย์เวลาไปไหนมาไหน
แม้ใบรายการฝากหิ้วเสื้อผ้าจะไม่เยอะ แต่เงื่อนไขของเสื้อผ้าทุกชิ้นสูงมาก
ต้องคำนึงที่ยี่ห้อ ประเภท ไซส์และรูปแบบ…
อันหลินมองใบรายการในมือ ขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างกลัดกลุ้ม
งานรับหิ้วไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
แต่ทว่ารับหินวิญญาณมาแล้ว เขาก็ทำได้แค่กัดฟันทำต่อไป
…
ด้วยเหตุนี้ อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานก็บุกศูนย์การค้านานาชาติอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นการช้อปปิ้งเสื้อผ้า ความยากเพิ่มขึ้น
ตอนแรกอันหลินคิดว่าแค่ไม่กี่ชุด เป็นเรื่องที่จะจัดการได้ภายในไม่กี่นาที
แต่ว่า เขาประเมินการช้อปปิ้งของสวีเสี่ยวหลานต่ำเกินไป…
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม