ค่าจ้างราคาถูกแบบนี้ ทำให้อันหลินอยากระดมนักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบเพิ่มขึ้นอีกหน่อยอย่างอดไม่ได้
เพราะคนยิ่งเยอะยิ่งมีกำลังมากไม่ใช่เหรอ
แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งความคิดนี้ไป
นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบสิบคนกับระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณสามคน กำลังพลเท่านี้ยิ่งใหญ่มากพอแล้ว
หากว่าศัตรูเป็นแค่แมงมุมร้อยเนตรตัวเดียวละก็ เช่นนั้นก็มีแต่จะถูกรุมสกรัม
การเผชิญหน้ากับอันตรายอันแปลกหน้า กำลังพลเพียงพอจะรับมือได้แล้ว
ขอแค่สัตว์ประหลาดระดับจักรพรรดิไม่โผล่มา ต่อให้สู้ไม่ได้ก็หนีพ้น
หากสัตว์ประหลาดระดับจักรพรรดิปรากฏตัว ต่อให้มีนักพรตกายแห่งมรรคมากเท่าใดก็สูญเปล่า…
อันหลินให้เวลากำลังเสริมเตรียมตัวสองวัน รวมตัวกันที่เมืองหรงเฉิงในสองวันให้หลัง จากนั้นค่อยมุ่งหน้าไปที่เทือกเขาคุนหลุนพร้อมกัน
พวกเถียนหลิงหลิงกับสวีเสี่ยวหลาน พอใจกับผลลัพธ์ของการระดมกำลังพลเป็นอย่างมาก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปจัดการธุระของตัวเอง
ผ่านไปอีกวันอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา เถียนหลิงหลิงก็ยกกล่องกระดาษใบใหญ่เข้ามาในห้องอันหลินหลายใบ
เมื่อเห็นร่างเล็กๆ ของเธอยกกล่องที่ใหญ่กว่าขนาดตัวเสียอีก ก็ทำให้อันหลินรู้สึกประทับใจในความน่ารัก
ภายในกล่องที่เถียนหลิงหลิงยกมา ล้วนเป็นสินค้าที่อันหลินวานให้เธอช่วยจัดการให้
สินค้าน้อยใหญ่นานาชนิดมีร่วมหลายร้อยชิ้น
อันหลินตรวจนับทีละชิ้น พบว่าไม่มีอะไรตกหล่น
เขาจึงให้หินวิญญาณสิบก้อนกับเถียนหลิงหลิงด้วยความดีใจ เพื่อเป็นค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการซื้อของครั้งนี้
เมื่อเขาเห็นเถียนหลิงหลิงกอดหินวิญญาณ กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างมีความสุข ก็จมอยู่ในภวังค์ความคิด
นักพรตบนโลกใบนี้…ยากจนขนาดนี้จริงๆ เหรอ
อันหลินเก็บสินค้าทั้งหมดใส่แหวนมิติ จากนั้นก็เดินไปเปิดม่านที่ประตูระเบียง
บนท้องฟ้ามีเมฆดำปกคลุมไปทั่ว เมื่อมองออกไปมันช่างมืดสลัว
ภายในชั้นเมฆหนา เป็นเสียงฟ้าคำรามดังทุ้ม
“ฟ้าผ่าแล้ว ฝนตกแล้ว ท่าทางคงต้องอยู่แต่ในโรงแรมซะแล้ว”
เถียนหลิงหลิงนอนแผ่บนเตียง แกว่งขาเรียวได้สัดส่วนไปมา พร้อมกับพูดเสียงหวาน
อันหลินมองปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เมื่อได้ยินหญิงสาวข้างหลังพูดว่าฟ้าผ่า จู่ๆ ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ
ความคิดนี้รุนแรงอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความคิดอยากเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมาก…
…
บนดาดฟ้าของตึกสูง ลมพัดกรรโชก สายฝนเทกระหน่ำ
เซวียนหยวนเฉิง สวีเสี่ยวหลานและเถียนหลิงหลิง ต่างก็มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความกังวล
เซวียนหยวนเฉิงพูดอย่างสุภาพว่า “สหายอันหลิน ความคิดนี้อันตรายยิ่งนัก ข้าว่าเจ้าคิดใหม่เถอะ!”
สวีเสี่ยวหลานตะโกนด้วยความกังวลว่า “อันหลิน เจ้าทำเพื่ออะไร เอาชีวิตมาล้อเล่นแบบนี้ได้อย่างไร ฟังข้านะ เรากลับกันเถอะ!”
เถียนหลิงหลิงพูดเสียงตื่นเต้นว่า “นักพรตจอมปลอม นายมีหินวิญญาณอีกหรือเปล่า แบ่งมรดกก่อนดีไหม…เห็นแก่ที่ฉันรู้จักนาย เพิ่มหินวิญญาณให้อีกสิบก้อนได้ไหม”
เสี่ยวหงที่นอนคว่ำบนไหล่ของสวีเสี่ยวหลานร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฮือ…นายท่าน ถ้านายท่านตายข้าก็ไม่รอดน่ะสิ ทำไมต้องดึงข้าติดร่างแหไปด้วยล่ะ…”
เสี่ยวหงออกจากกระเป๋าของอันหลินนานแล้ว
พูดเป็นเล่น ถ้าไม่ออกมาละก็ เดี๋ยวอันหลินไม่ตาย แต่มันคงตายไปแล้ว!
เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน อันหลินแค่หันมายิ้มบางๆ จากนั้นทิ้งแผ่นหลังอันสง่างามไว้ให้ทุกคน ปล่อยว่าวของเขาต่อไป…
เมฆหนาดำทะมึนมีสายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ สายลมคลั่งพาว่าวให้ลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
อันหลินก็ปล่อยเชือกไม่หยุด ให้มันค่อยๆ ลอยขึ้นไปข้างบน
ในตอนนี้ เขารู้สึกเพียงว่าความกล้าหาญอัดแน่นเต็มอก
โบราณมีเบนจามิน แฟรงคินปล่อยว่าวทดสอบสายฟ้า ปัจจุบันมีอันหลินปล่อยว่าวท้าสายฟ้า!
ใช่แล้ว อันหลินอวดดี ตั้งใจว่าจะยอมให้ฟ้าผ่า!
ตอนนี้เขามีวิชาบงกชพสุธาขั้นหนึ่งกับวิชาแห่งอานุภาพแล้ว ขอแค่บรรลุอีกหนึ่งวิชา เขาก็จะเลื่อนระดับเป็นกายแห่งมรรคขั้นสิบแล้ว!
ขอแค่ฟ้าผ่าครั้งเดียว เขาก็บรรลุเงื่อนไขถึงสองข้อในเวลาเดียวกัน!
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
ปัญหาเพียงข้อเดียวก็คือ เขาจะเอาชีวิตรอดจากสายฟ้าได้หรือไม่…
เพื่อนสามคนที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ มองการกระทำของอันหลินอย่างหวาดกลัว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม