เสียงเพลงของตงฟางเสวี่ยเพิ่งจบลง ภายในคอนเสิร์ตก็มีเสียงโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งของเหล่าแฟนคลับดังขึ้นมา
หลังเธอร้องเพลงเสร็จแล้ว ไม่ได้ลงจากเวทีเช่นที่ผ่านมา แต่ยืนอยู่ที่เดิม แนะนำนักร้องที่จะขึ้นเวทีคนต่อไปด้วยความจริงจัง
เหล่าผู้ชมในคอนเสิร์ตต่างก็แปลกใจอย่างมาก
เพราะนักร้องที่มาร้องร่วมทั่วไป จะถูกแนะนำโดยเจ้าหน้าที่โดยตรง
ปกติแล้วตงฟางเสวี่ยร้องเสร็จก็จะไปทันที ประหนึ่งสายลมพัดวูบ
ตอนนี้ เธอกลับอยู่ต่อเพื่อแนะนำคนคนนั้น มันไม่ปกติเอาเสียเลย
ผู้ชมแทบจะทุกคนต่างก็ฉงนสนเท่ห์ สงสัยว่าเป็นนักร้องแบบไหน ตงฟางเสวี่ยถึงกับต้องแนะนำด้วยตัวเอง
จากนั้น ผู้ชมทั้งหลายก็เกิดความประทับใจต่อนักร้องที่ใกล้จะขึ้นเวที จากคำพูดของตงฟางเสวี่ย
เขาเป็นนักร้องที่เพิ่งเดบิวต์ เขามีศักยภาพอย่างยิ่ง!
เพลงที่เขาจะร้องต่อไปนี้ จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมทุกคน!
ตงฟางเสวี่ยลงจากเวทีแล้ว เธอยื่นไมโครโฟนให้อันหลิน มองเขาด้วยสายตาให้กำลังใจ พูดเสียงเบาว่า “สู้ๆ!”
อันหลินพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นก้าวเท้า เดินมาถึงกลางเวที
พอเขาขึ้นเวที เสียงโห่ร้องอย่างอุ่นหนาฝาคั่งดังระงมทั่วฮอลล์
หากไม่ได้ยืนที่นี่ด้วยตัวเอง ไม่มีทางรู้เลยว่าเสียงโห่ร้องแบบนั้นมันทำให้ใจสั่นไหวมากแค่ไหน
เสียงที่เปล่งออกมาอย่างพร้อมเพรียงของผู้ชมแปดหมื่นคน ทำให้ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
แววตาเป็นประกายระยิบระยับของผู้ชมแปดหมื่นคน ทำให้เขาตื่นเต้นแทบแย่
แท่งไฟสีขาวเคลื่อนไหวอย่างมีจังหวะ เป็นดุจแดนหิมะอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และเหมือนผืนทะเลสีขาวไร้ที่สิ้นสุด ตระการตาอย่างยิ่ง
อันหลินเพิ่งเคยได้สัมผัสเวทีใหญ่เช่นนี้ครั้งแรก ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่า เมื่อยืนบนเวที เผชิญหน้ากับผู้ชมแปดหมื่นคน มันเป็นความรู้สึกอย่างไร
“สวัสดีครับ ผมชื่ออันหลิน ลำดับต่อไป ผมจะร้องอะแคปเปลลา ชื่อเพลงว่า ‘พระคัมภีร์เต้าจ้าง’”
อันหลินมองท้องทะเลสีขาวตรงเบื้องหน้า รวบรวมสติแล้วพูดขึ้นมาช้าๆ
เมื่อสิ้นประโยคนี้ ก็สร้างความฮือฮาให้กับที่นั่งผู้ชมอย่างใหญ่หลวง
“คุณพระ ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม นักร้องคนนี้จะร้องอะแคปเปลลาในคอนเสิร์ตเสวียเสวี่ยงั้นเหรอ”
“นี่เป็นเซอร์ไพร์สที่เสวียเสวี่ยบอกว่าจะให้พวกเราเหรอ คงไม่ใช่เรื่องตกใจหรอกนะ!”
“อันหลินเป็นใคร จะว่าไปในประเทศมีนักร้องชื่อนี้ด้วยเหรอ”
“ฉันค่อนข้างสนใจว่า ‘พระคัมภีร์เต้าจ้าง’ เป็นเพลงอะไร เนื้อหาคงไม่ใช่คัมภีร์โบราณของลัทธิเต๋าหรอกนะ…”
“ฉันจะคอยดูว่า ผู้ชายคนนี้จะร้องอะแคปเปลล่าออกมาเป็นยังไง”
…
ไม่ใช่แค่ผู้ชมในฮอลล์ที่พูดคุยกันเซ็งแซ่ แม้แต่ตงฟางเสวี่ยที่จับจ้องอันหลินอยู่หลังเวทีตลอดเวลา ก็สะดุ้งโหยงเช่นกัน
ทำไมอันหลินถึงเลือกเพลงที่ไม่เคยได้ยิน แถมจะร้องอะแคปเปลลาอีกด้วย…จะทำอะไรกันแน่!
“พี่หลิว นี่มันเรื่องอะไรกัน” คิ้วของตงฟางเสวี่ยขมวดเป็นปม พูดเสียงเย็น
ตอนนี้พี่หลิวเองก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน ตอบทันควันว่า
“คุณอันหลินร้องขอ เขาบอกว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้…”
“ร้องอะแคปเปลลาควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยเหรอ” ตงฟางเสวี่ยมองร่างบนเวที แววตาฉายความกังวล
นี่ไม่ใช่การแข่งขันในรั้วโรงเรียนอะไรนั่น แต่เป็นคอนเสิร์ตที่มีผู้ชมนับแปดหมื่นชีวิต จะเล่นเป็นเด็กแบบนี้ได้จริงๆ เหรอ
อันหลินที่ยืนอยู่บนเวที ณ เวลานี้
เขามองข้ามเสียงวิจารณ์ที่ดังต่อเนื่องไม่ขาดสายดุจริ้วคลื่นบนที่นั่งผู้ชม ปรับลมหายใจ จากนั้นเปล่งเสียงออกมาช้าๆ
“ให้จิตสงบอยู่ในสภาวะว่างเปล่า การเกิดขึ้นของทุกสรรพสิ่ง ท้ายที่สุดก็ต้องกลับสู่ความว่างเปล่า ผู้คนคับคั่งสำราญกับเครื่องเซ่นหลังสังเวย ประหนึ่งทิวทัศน์อันงดงาม แต่ข้ากลับตัวคนเดียว ไม่ประสีประสาเช่นเด็กแรกเกิด…”
เสียงใสเจือความน่าฟังดังขึ้น สะท้อนก้องฮอลล์คอนเสิร์ต
อันหลินเริ่มร้องแล้ว ผู้ชมแปดหมื่นคนต่างก็ได้ยินเสียงร้องของเขา
ผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนในฮอลล์ล้วนงงเป็นไก่ตาแตก…
“คุณพระ เขาร้องอะไรของเขา ทำไมฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย…”
“อืม ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว!”
“เพลงนี้ฉันฟังออก เป็นประโยคจาก ‘พระคัมภีร์เต้าจ้าง’ จริงๆ!”
แค่อันหลินเริ่มร้อง ผู้ชมก็ครึกครื้นขึ้นมา เสียงพูดคุยดังไม่ขาดสาย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม