ลำแสงอันมืดมืดแผ่กระจายไปทั่วนภา เขมือบภูเขาหิมะขนาดมหึมา ปกคลุมอันหลินไว้
ทว่าพลังเหล่านี้กลับทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด
ตราสีดำปรากฏกลางหน้าผากของเขาราวกับเป็นกระบี่คมกริบ
เพียงอันหลินกระทืบเท้า ร่างก็กระโจนออกไปไกลนับพันเมตร มาอยู่ตรงหน้าเซียนพสุธาเยว่อิ่ง
“อันหลิน!”
นัยน์ตาของสวีเสี่ยวหลานแดงก่ำ ยามเห็นอันหลินยังไม่ตาย ก็เผลอร้องเสียงหลงออกมา โถมตัวเข้าไปกอดเขาไว้แนบแน่น
อันหลินสัมผัสได้ว่า ร่างเล็กอันบอบบางภายในอ้อมอก บัดนี้กำลังสั่นเทิ้มเล็กน้อย ประหนึ่งกำลังสะอื้นไห้
เขาลูบหลังของสวีเสี่ยวหลาน พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วง”
พูดจบ เขาก็ดันสวีเสี่ยวหลานออกเบาๆ “รอข้าเดี๋ยว ข้าขอไปจัดการเรื่องอื่นก่อน”
เซวียนหยวนเฉิงพอเห็นอันหลินปลอดภัยกลับมา ก็โล่งใจเช่นกัน
“อาจารย์…”
อันหลินคุกเข่าลงข้างๆ เซียนพสุธาเยว่อิ่ง เอ่ยเรียกเสียงเบา
เซียนพสุธาก้มศีรษะเล็กน้อย ริมฝีปากสั่นระริก แต่กลับไม่มีแรงจะเอื้อนเอ่ยวาจาเลยสักคำ
หญิงที่รูปโฉมเคยงามแฉล้ม บัดนี้ไร้สภาพสิ้นดี
ไม่ใช่แค่ผิวหนังที่เหี่ยวย่น เส้นผมขาวโพลน แม้แต่ลมหายใจก็รวยรินเป็นอย่างยิ่ง
กระบี่พิชิตมารแผ่ลำแสงสีดำพิลึกออกมาปานชีพจรเต้น
เห็นได้ชัดว่า มันกำลังดูดพลังปราณของเซียนพสุธาเยว่อิ่งอย่างต่อเนื่อง!
อันหลินกำด้ามกระบี่พิชิตมารไว้แน่น ใบหน้าขึงขังโดยพลัน
“คายสิ่งที่แกดูดเข้าไป…ออกมาให้หมด!”
ตูม!
กระบี่พิชิตมารระเบิดพลังอันน่ากลัว แผ่ไปยังมือของอันหลิน คล้ายว่าจะทำลายเขาให้สิ้นซาก
อันหลิงจับด้ามกระบี่ด้วยมือข้างเดียว อานุภาพเหนือบรรยายบางอย่างทลายพลังของกระบี่พิชิตมารในพริบตา
แม้แต่จิตวิญญาณของกระบี่จักรพรรดิปีศาจ ก็ถูกพลังทำลายล้างลบล้างไปในเสี้ยววินาที!
กระบี่เริ่มสั่น พลังปราณที่ดูดมาก็เริ่มไหลย้อนไปทางเซียนพสุธาเยว่อิ่ง
ไม่นาน ใบหน้าของนางก็เริ่มมีสีเลือด ผิวหนังก็กลายเป็นเนียนละเอียดเกลี้ยงเกลา
“อันหลิน…ทำไมเจ้าถึง…”
เซียนพสุธาเยว่อิ่งรู้สึกได้ว่าร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง นางอดเบิกตากว้าง มองชายตรงหน้าด้วยความตกใจไม่ได้
อันหลินฉีกยิ้มอบอุ่น “อาจารย์ ทนหน่อยนะ!”
พูดจบ เขาก็ออกแรงดึง ชักกระบี่พิชิตมารออกจากร่างของเซียนพสุธาเยว่อิ่ง!
“อืม…!”
เยว่อิ่งกัดปากไว้แน่น ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแล่นเข้ามา ก็อดครวญครางออกมาไม่ได้
แต่เพียงชั่วไม่กี่อึดใจ บาดแผลของนางกลับไม่เจ็บปวดอีกต่อไป
เซียนพสุธาเยว่อิ่งมองฝ่ามือที่ดันหน้าอกนางอึ้งๆ มีแสงสีขาวผุดออกมาจากฝ่ามือ
นี่เป็นพลังสมานขั้นพื้นฐานที่สุด แต่เมื่อผ่านมืออันหลิน กลับทำให้บาดแผลที่มีพลังหวนสู่ความว่างเปล่าหลงเหลืออยู่หายเป็นปลิดทิ้ง
ขณะนั้นเอง พลังงานน่าสะพรึงกลัวก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า
ในที่สุดอ้านเย่ก็เปิดฉากโจมตีครั้งที่สองแล้ว
นางยืนยันแล้วว่านักพรตน้อยคนนี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่อำพรางพลัง ฉะนั้นในการโจมตีครั้งนี้ นางจึงใช้อนธการดั้งเดิม พลังวิเศษที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุด!
ม่านรัตติกาลดำทะมึนแผ่ไปทางอันหลิน ราวกับความมืดมิดเข้าครอบงำ จะทำลายทุกสรรพสิ่งในปฐพีให้ราบคาบ!
เมื่อนักพรตมนุษย์ทั้งหลายเห็นว่าฟ้าจะถล่มลงมาแล้ว ก็ตกตะลึงพรึงเพริด หลบหนีกันจ้าละหวั่น
แม้แต่นักรบเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด ก็หนีออกจากสมรภูมิรบอย่างไม่คิดชีวิต
ชัดเจนว่า การโจมตีนี้เป็นอาวุธทำลายล้าง
เป็นการสังหารสิ่งมีชีวิตบนพื้นดินโดยไม่เลือกเป้าหมาย!
“เลิกพล่ามได้แล้ว รีบหนีเถอะ!”
เมื่อเทียบกับคำตำหนิกล่าวโทษของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดแล้ว นักพรตมนุษย์กลับตกใจหน้าถอดสี
“คุณพระ ผู้หญิงปีกสีดำนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงได้มีเวทมนตร์ที่น่ากลัวขนาดนี้!”
“พวกเราแค่มาหยุดแผนการของจักรพรรดิปีศาจ ทำไมถึงได้เจอศัตรูที่น่ากลัวปานนี้ล่ะ”
“เสร็จกัน พวกสหายอันหลินเป็นศูนย์กลางของเวทมนตร์!”
“เลิกพูดถึงสหายอันหลินได้แล้ว ต่อให้เป็นพวกเรา ก็หนีเวทมนตร์ที่ชวนให้รู้สึกสิ้นหวังนี่ไม่ได้หรอก…”
นักพรตซวีอวิ๋นแห่งเขาอู่ต่างส่ายหน้าอย่างหมดหวัง
ม่านรัตติกาลดำทมิฬอันกว้างใหญ่สุดลูกลูกตานี้ ทำให้ผู้คนหมดหนทางหลบหนีโดยสิ้นเชิง
ม่านรัตติกาลกำลังลอยต่ำลงมา ปกคลุมยอดเขาสูงตระหง่านละแวกภูเขาหิมะแล้ว
แม้แต่เซียนพสุธามิ่งหยวนก็หยุดต่อสู้กับเจ้าแห่งผีดูดเลือด จดจ้องการโจมตีที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน ในดวงตาฉายความเจ็บแค้นใจ
“อันหลิน ระวังข้างหลัง!”
แม้เซียนพสุธาเยว่อิ่งจะรู้ว่าตอนนี้อันหลินไม่เหมือนที่เคย แต่เมื่อเห็นเวทมนตร์ที่ม้วนตัวไปทั่วฟ้าดินแล้ว ก็ทำให้นางอดเอ่ยปากเตือนไม่ได้เช่นกัน
“อืม ไม่ต้องห่วง”
อันหลินพยักหน้า ยกมือขึ้นตบไปทางด้านหลังโดยที่ไม่เหลียวหลังมองเลยด้วยซ้ำ
ครืน!
ผืนฟ้าถูกตบจนแตกกระจาย…



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม