บทที่ 1136 มุ่งหมายในผู้สร้าง
ฉู่เสี่ยวชีนั่งอยู่บนหน้าผา ดวงตาเบิกกว้าง ยังคงเรียกสติกลับมาไม่ได้
การโบยบินสู่แดนเซียนถูกยับยั้ง!
เขาจินตนาการฉากที่ตนจะได้พบถังหว่านไว้สารพัด ไม่คิดเลยว่าจะถูกท่านปู่บังคับลากตัวกลับมา
เขารู้สึกว่าช่างไร้เหตุผลนัก
ถึงอย่างไรท่านปู่ก็เป็นเซียน สามารถไปยังแดนเซียนได้แน่นอน แล้วเหตุใดต้องลากตัวเขากลับมาด้วยเล่า
ตอนแรกฉู่เสี่ยวชีรู้สึกไม่พอใจหานเจวี๋ย ไม่เข้าใจว่าท่านปู่คิดอะไรอยู่กันแน่ ดังนั้นเขาจึงขุ่นเคืองไม่ยอมไปหาหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยย่อมมองความคิดของเขาออกแต่ก็ไม่ได้อธิบายเช่นกัน รอให้ฉู่เสี่ยวชีเป็นฝ่ายมาหาเอง
หลายวันต่อมา ในที่สุดฉู่เสี่ยวชีก็มาหาหานเจวี๋ย
เขานั่งลงตรงหน้าหานเจวี๋ย แค่นเสียงทีหนึ่ง ยกสองมือกอดอกสีหน้าบูดบึ้ง
หานเจวี๋ยไม่สนใจเขา เขาทนต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยเรียก “ท่านปู่!”
พอเห็นว่าหานเจวี๋ยยังคงไม่ลืมตาขึ้นมาอีก ฉู่เสี่ยวชีโมโหแทบตายแล้ว
พอโมโหจนถึงขีดสุด ฉู่เสี่ยวชีพลันนอนพังพาบบนพื้นพลางร้องไห้โวยวาย
หากหานทั่วมาเห็นเข้าเกรงว่าคงโมโหแทบตาย
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าอยากไปจริงๆ น่ะหรือ”
ฉู่เสี่ยวชีเงยหน้าเอ่ยไปว่า “หากข้าไม่ไป นางอาจจะถูกชายอื่นล่อลวงไปได้ ต่อให้ข้ามีความมั่นใจว่าจะดึงตัวกลับมาได้ แต่ข้าก็ไม่อยากให้ตัวเองถูกสวมเขานะขอรับ!”
หานเจวี๋ยอดขำไม่ได้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ นางไม่ไปหาชายอื่นหรอก”
“เพราะเหตุใด”
“เจ้ามั่นใจในตัวเองไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงไม่อาจมั่นใจในตัวนางได้เล่า”
“แต่ว่า…”
“เสี่ยวชี บนโลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจภายหลัง ในเมื่อสูญเสียไปแล้วก็ต้องเตรียมตัวแบกรับผลที่จะตามมา ตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้ดีเถอะ หากเจ้าขึ้นสู่แดนเซียนตอนนี้ เจ้าจะเป็นชนชั้นต่ำที่สุดในแดนเซียน ตัวเจ้าที่เป็นเช่นนี้จะดึงดูดนางที่เปลี่ยนใจไปแล้วได้อย่างไร”
“ข้า…”
“ในเมื่อดึงดูดไม่ได้ ไยถึงไม่เชื่อมั่นในตัวนางเล่า เชื่อว่านางจะไม่เปลี่ยนใจ สิ่งที่เจ้าต้องทำคือทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แกร่งจนสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้”
คำพูดของหานเจวี๋ยทำให้ฉู่เสี่ยวชีจมอยู่ในภวังค์ความคิด
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ชั่วชีวิตนี้ของข้าไม่เคยต้องเสี่ยงเพื่อสตรีเลย ในเส้นทางการบำเพ็ญเดิมทีก็สมควรต้องยึดถือตัวเองเป็นหลัก ขอเพียงเจ้าแข็งแกร่งมากพอถึงจะมีคุณสมบัติพอปกป้องทุกสิ่งได้”
ฉู่เสี่ยวชีสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยไปว่า “ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านปู่ ขออภัยด้วย สายตาข้าคับแคบไปเสียแล้ว เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าสมควรจะโบยบินขึ้นไปยามไหนหรือขอรับ”
“รอต่อไปเถอะ บางทีอาจจะเร็วยิ่งหรืออาจจะเนิ่นนานมากก็เป็นได้”
หานเจวี๋ยหลับตาลง ฉู่เสี่ยวชีขบคิดอยู่สักพักถึงได้ลุกขึ้นจากไป เตรียมตัวฝึกบำเพ็ญ
ฉู่เสี่ยวชีเปลี่ยนไปมุนะพากเพียรยิ่งขึ้น นั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญทุกวัน ยกระดับตบะ
ชีวิตของฉู่เสี่ยวชีดูเหมือนจะยาวนาน แต่สำหรับในยุคสมัยไร้สิ้นสุด เวลายังคงดำเนินไปช้ายิ่ง
ณ ดินแดนเวิ้งว้าง โลกวังสวรรค์ตั้งอยู่เหนือโลกมหามรรคหลายสิบแห่ง มีแสงเทพส่องแผ่ไร้สิ้นสุด สาดส่องโลกมากมาย
ภายในวังสวรรค์ ณ อุทยานหลวง
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและหานทั่วกำลังร่ำสุราพูดคุยกันอยู่
“การใช้ชีวิตของฝ่าบาทเริ่มสงบสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” หานทั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยิ้มแล้วเอ่ยไปว่า “ใช่แล้ว เจ้าก็เช่นกัน แต่ก่อนเจ้ามาเยี่ยมเราน้อยครั้งนัก”
หานทั่วส่ายหน้าหัวเราะพลางกล่าวว่า “สมัยนั้นหมกมุ่นยึดติดเกินไป ละเลยไปมากจริงๆ ตอนนี้ปลดเปลื้องภาระทิ้งแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาว่าการเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งมิใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยหยอกเข้า “ก็ใช่ ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางไล่ตามบิดาของเจ้าทัน”
หานทั่วกลอกตาเล็กน้อย ท่านมีสิทธิ์พูดด้วยหรือ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ เจ้ามาได้จังหวะพอดี รู้จักเฉินเจวี๋ยใช่หรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ เป็นเชื้อสายตระกูลหานเรา นับว่าเป็นคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำที่สุดในยุคนี้”
“เราอยากรับตัวเขาไว้ เจ้าช่วยเจรจาให้เราได้หรือไม่”
“เด็กคนนี้ไม่ได้พึ่งพิงกลุ่มอิทธิพลใด เพียงแต่ถูกปกป้องอยู่ในสังกัดของหานหลิงอย่างลับๆ เหตุใดพระองค์ถึงไม่ไปขอตัวเขามาตรงๆ เล่า”
“เราเคยไปขอมาแล้ว แต่เด็กคนนี้หมิ่นแคลนเทพเซียน…”
พอกล่าวถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจนปัญญานัก เฉินเจวี๋ยเหมือนคนผู้นั้นจริงๆ แน่นอนว่าเหมือนเพียงบุคลิกและอุปนิสัยเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...