ปฏิกิริยาแรกของหานเจวี๋ยคือ สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นขายตนเอง
แต่พอคิดดูอีกที ไม่ถูกสิ หากเจ้าสุนัขนี่ขายเขาง่ายขนาดนั้น มันคงขายไปนานแล้ว
หรือจี้ไน่เหอจะอ่านความทรงจำของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น
มีความเป็นไปได้มาก!
ดีเลย! ให้ข้าได้สัมผัสตื้นลึกหนาบางของเจ้า!
หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์ เพียงไม่นานก็หาจี้ไน่เหอพบ
รูปประจำตัวของเจ้าหมอนี่ดูอ่อนโยนและประหลาด มีลักษณะคล้ายยมทูตดำขาวเป็นอย่างมาก
[จี้ไน่เหอ: ระดับมหายานขั้นสาม จักรพรรดิมารในโลกมนุษย์ ศิษย์มารของเขาเซ่นไหว้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่าน เพื่อเรียกจี้ไน่เหอกลับมาจากหุบเหวมาร จี้ไน่เหอดึงเอาวิญญาณของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมา จึงรู้ถึงการดำรงอยู่ของท่าน และหวาดกลัวท่านเป็นอย่างมาก หากมีโอกาสจะต้องสังหารท่านอย่างแน่นอน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
ระดับมหายานขั้นสาม?
เท่านี้หรือ
ตบะยังสู้เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของเขาไม่ได้เลย
นี่ก็กล้าเรียกตัวเองว่าจักรพรรดิมารแล้ว?
หานเจวี๋ยแอบเหยียดหยาม ไม่นานก็เริ่มเป็นห่วงสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นขึ้นมาทันที
เจ้าสุนัขนั่นคงไม่ตายหรอกนะ!
ต่อให้หานเจวี๋ยจะหาสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นพบ ก็ใช่ว่าจะสามารถช่วยมันได้
ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้ยังคงเป็นการขยันฝึกฝน
หานเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งจี้ไน่เหอก่อนเป็นเวลาครึ่งเดือนหลังจากนั้นถึงค่อยฝึกฝน
……
เหนือทะเลเมฆา เมฆดำกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว บนก้อนเมฆมีเงาร่างสองเงานั่งขัดสมาธิ หนึ่งในนั้นก็คือซูฉี
อีกร่างเป็นเงาดำ มองไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจน ดูราวกับเป็นเงาร่างของมนุษย์ เขาก็คือมารหลัวฉิว
“ผู้อาวุโส พวกเราจะไปที่ใดกันแน่” ซูฉีเอ่ยถาม
ตั้งแต่ติดตามมารหลัวฉิวมา พวกเขาระเหเร่ร่อนอย่างยากลำบากมาโดยตลอด มักจะประสบกับภัยสวรรค์เป็นประจำ และมักจะหลงเข้าไปในแดนต้องห้ามบรรพกาล สามารถพูดได้ว่าลำบากจนไม่อาจบรรยาย
มารหลัวฉิวแค่นเสียงเย็นเอ่ยขึ้น “เอาแต่ถามๆๆ ไม่จบไม่สิ้น ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกเจ้าก็ได้ พวกเราจะไปหาจักรพรรดิมาร!”
ตั้งแต่พบกับซูฉี วันคืนของเขาก็ไม่เคยราบรื่นเลย
เขาสงสัยแม้กระทั่งว่าซูฉีอาจเป็นเคราะห์ร้าย
“จักรพรรดิมาร? เขาเป็นอะไรกับประมุขมารหรือ” ซูฉีเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้
“ไม่ได้เป็นอะไรกัน เพียงสังกัดฝ่ายมารเหมือนกันเท่านั้น”
“ผู้ใดแกร่งกว่า”
“ยากจะเปรียบเทียบ จักรพรรดิมารอยู่ในยุคที่ยาวนานกว่า ความสำเร็จสูงยิ่งกว่า”
“ความสำเร็จอะไรหรือ”
“เขาเคยรวบรวมฝ่ายมารในใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง”
“ถ้าเช่นนั้นที่ท่านส่งข้าให้กับจักรพรรดิมาร ก็เพื่อให้อยู่ใต้บัญชาของจักรพรรดิมารหรือ ภายใต้บัญชาของจักรพรรดิก็ต้องมีแม่ทัพและทหารสินะ”
“เจ้าคิดได้ถูกต้องดีนี่”
ทั้งสองเริ่มพูดคุยสัพเพเหระประโยคแล้วประโยคเล่า
เปรี้ยง
ตรงขอบทะเลเมฆาปรากฏเมฆอัสนีกว้างขวางอย่างหาที่เปรียบมิได้ เสียงฟ้าแลบฟ้าร้องทำให้บรรยากาศบนท้องนภาดูอึมครึมจนน่าอึดอัด
มารหลัวฉิวจิตใจหนักอึ้ง แย่แล้ว! หรือจะประสบกับภัยสวรรค์อีกครั้ง
……
เพียงพริบตา เวลาก็ผ่านไปหลายปี
[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุห้าร้อยปี ชีวิตดำเนินไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกจากด่านทันที ปราบฝ่ายมารให้ราบคาบ ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า จะได้รับสมบัติวิญญาณไท่อี่หนึ่งชิ้น]
[สอง ฝึกฝนต่อไป ห่างไกลจากโลกีย์ ไม่เป็นฝ่ายสร้างเรื่อง จะได้รับสมบัติวิญญาณไท่อี่หนึ่งชิ้น]
รางวัลเหมือนกัน เช่นนั้นก็ทำตามใจตน
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ
[ท่านเลือกฝึกฝนต่อไป ห่างไกลจากโลกีย์ ได้รับสมบัติวิญญาณไท่อี่หนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณไท่อี่–รองเท้าขึ้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้า]
[รองเท้าขึ้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้า: สมบัติวิญญาณระดับหกขั้นไท่อี่ แฝงไปด้วยสัจธรรมแห่งวายุที่แท้จริง ก้าวเดียวถึงสวรรค์ เหยียบถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า]
ไม่เลว!
สมบัติวิญญาณที่เพิ่มความสามารถในการหลบหนี!
หานเจวี๋ยรีบนำรองเท้าขึ้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าออกมา เริ่มทำให้มันยอมรับเจ้าของ
เขาตัดสินใจมอบรองเท้าวิเศษเก้าดาราที่ตนกำลังสวมใส่อยู่ให้สิงหงเสวียน รองเท้าวิเศษเก้าดาราเป็นสมบัติวิญญาณระดับห้า ขนาดของมันสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามขนาดเท้าที่สวมใส่
อย่างไรเสียสิงหงเสวียนก็มักจะออกไปข้างนอกอยู่เสมอ ก็ต้องการรองเท้าวิญญาณสักคู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...