บทที่ 207 โสมวิญญาณบรรพกาลตื่นตัว
บนอากาศว่างเปล่าเหนือโลกเมฆาแดง
มหาจักรพรรดิเหยียนจวินมีสีหน้าไร้ความรู้สึก สายตากำลังจ้องมองหลวงจีนลักษณะน่าเกรงขามที่เปล่งรัศมีเจิดจ้า
หลวงจีนที่น่าเกรงขามผู้นี้ก็คือเสียงหลงฝัว มีมังกรทองตัวหนึ่งพันอยู่รอบตัว กล้ามเนื้อบึกบึน ท่าทางวางอำนาจมาก
“อมิตาพุทธ สหายจะไม่หลีกทางให้อาตมาจริงหรือ”
เสียงหลงฝัวกล่าวเสียงเย็น น้ำเสียงแฝงการข่มขู่เต็มเปี่ยม
มหาเทพเหยียนจวินกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม “ที่นี่คือโลกมนุษย์ของวังสวรรค์ เจ้าอยากจะเข้าก็เข้าไปได้เลยเสียที่ไหน วันนี้ต่อให้ต้องรบกัน บรรดาเทพวังสวรรค์ก็จะมาถึงในอีกไม่ช้าแน่ เคราะห์ภัยเมื่อหลายร้อยปีก่อน วังสวรรค์ยังไม่ได้คิดบัญชีกับสำนักพุทธเลย เจ้ากลับส่งตัวเองมาหาถึงที่พอดี!
ลงมือเถอะ! ให้ข้ารับคำชี้แนะจากพลังของพุทธาเทพสักหน่อย!”
เมื่อเผชิญหน้ากับมหาเทพเหยียนจวินที่ไม่ยี่หระอะไร เสียงหลงฝัวก็ขมวดคิ้ว
เขาไม่นึกว่ามหาเทพเหยียนจวินจะหุนหันเช่นนี้
แดนเซียนในตอนนี้ มีใครบ้างที่ไม่ไว้หน้าสำนักพุทธ
แววตาของเสียงหลงฝัวเย็นเยือกขึ้นมาทันที เขาแค่นเสียงก่อนเอ่ย “มหาเทพเหยียนจวิน กรรมนี้ยังไม่จบสิ้น!”
มหาเทพเหยียนจวินเผยยิ้มดูแคลน
อีกด้านหนึ่ง หานเจวี๋ยกำลังใช้แบบจำลองการทดสอบ
ผ่านไปเป็นเวลานาน เขาลืมตาขึ้นและทอดถอนใจกล่าวว่า “พุทธาเทพมีของอยู่บ้าง!”
เสียงหลงฝัวในระดับเซียนทองไท่อี่ระยะปลายแข็งแกร่งกว่าตี้ไท่ไป๋ในระดับเซียนทองไท่อี่ระยะสมบูรณ์มาก ถึงสุดท้ายหานเจวี๋ยพอจะสังหารเสียงหลงฝัวลงได้ แต่ตนเองหลงเหลือแค่จิตวิญญาณ สถานการณ์ศึกน่าเวทนายิ่ง
เสียงหลงฝัวคนนี้ไม่อาจยุแหย่ได้!
หานเจวี๋ยคิดอยู่เงียบๆ
เขาตรวจสอบตำแหน่งของเสียงหลงฝัวอีกครั้ง และพบว่าเสียงหลงฝัวจากไปแล้ว
หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาค้นหาสวินฉางอัน ไม่นานนักเขาก็หาตัวพบ
หานเจวี๋ยมีสีหน้าแปลกพิลึก
สวินฉางอันนั่งขัดสมาธิอยู่ริมทะเล หันหน้าเข้าหาทะเล บนตัวเปล่งแสงพุทธะ คุณลักษณะเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะอัปลักษณ์ แต่ภายใต้บุคลิกที่สุขุมและศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ดูขัดตาอีกต่อไปแล้ว
ตบะของสวินฉางอันดันพุ่งไปถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์อย่างรวดเร็ว!
‘เกิดอะไรขึ้น’
หานเจวี๋ยใช้พลังจิตตรวจสอบสวินฉางอันทันที
ไม่ได้ถูกยึดร่าง เพียงแต่ในร่างของสวินฉางอันมีไข่มุกสีทองซ่อนอยู่เม็ดหนึ่ง หรือว่าจะเป็นพระธาตุของสำนักพุทธ?
ในขณะนั้นเอง มู่หรงฉี่เหาะมาจากที่ไกลๆ
เขาลงมาตรงหน้าสวินฉางอันก่อนกล่าวว่า “อาจารย์ กระดูกของนางฝังเรียบร้อยแล้ว”
สวินฉางอันค่อยๆ ลืมตาขึ้น ถอนหายใจครั้งหนึ่ง
มู่หรงฉี่ปลอบใจ “อาจารย์ เคราะห์นี้ผ่านพ้นไปแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องคิดถึงนางอีก ท่านไม่ติดค้างอะไรนาง นางเพียงต้องการมากเกินไปเท่านั้น”
สวินฉางอันกล่าวเบาๆ “เหตุใดสังสารวัฏถึงไม่อาจเปลี่ยนธรรมชาติของมนุษย์ได้”
มู่หรงฉี่ไม่ได้ตอบ
หากสังสารวัฏสามารถทำให้ธรรมชาติของมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นจะยังเป็นคนคนเดียวกันอีกหรือ
“อาจารย์ ต่อไปท่านมีแผนการอย่างไร” มู่หรงฉี่ถาม
สวินฉางอันตอบว่า “กลับบ้าน”
มู่หรงฉี่ได้ยินก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที
เขาอยากกลับบ้านมานานแล้ว
บ้านอยู่ที่ใด
ก็เขาเพียรบำเพ็ญเซียนนั่นไง!
หานเจวี๋ยได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วอดสงสัยมากกว่าเดิมไม่ได้
‘เคราะห์รักของสวินฉางอันผ่านพ้นได้แล้วหรือ
ช่างเถอะ รอเขากลับมาค่อยถามอีกที’
หานเจวี๋ยวางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง ทอดถอนใจเอ่ยว่า “ลูกหลานเติบโตกันหมดแล้ว ต่างก็มีชีวิตของตัวเอง”
อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความสงสัย “นายท่าน ท่านกำลังพูดถึงใครหรือ”
หานเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้พูดถึงใคร รอเจ้าสำเร็จมรรคในภายหน้าแล้ว จะไปจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนหรือไม่”
อู้เต้าเจี้ยนพูดอย่างประหลาดใจ “ไปจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน? เช่นนั้นข้าจะไปที่ใดได้ ข้าถือกำเนิดที่นี่ จะไม่ไปไหนทั้งนั้น นอกเสียจากว่านายท่านจะจากไป”
ตั้งแต่เปลี่ยนร่างมา อู้เต้าเจี้ยนก็ไม่เคยจากไปไหนเลย
โลกของนางเรียบง่ายมาก นั่นคือการฝึกบำเพ็ญ
หานเจวี๋ยส่ายหน้าอดยิ้มไม่ได้ คำถามนี้ยังเร็วเกินไปสำหรับอู้เต้าเจี้ยน
ต่อจากนั้นเขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรูต่อ
……
หนึ่งปีต่อมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...