บทที่ 215 ความสะท้านสะเทือนของตี้ไท่ไป๋
‘ชำระล้างโลกมนุษย์อะไรอีก!
พวกเจ้าป่วยจิตแล้วกระมัง!’
หานเจวี๋ยด่าทอด้วยความโมโหในใจ รู้สึกว่าเทพเซียนที่ว่าพวกนี้มีพิษสง
พวกเจ้าจะสู้กันก็สู้ไป อย่าลากมนุษย์ธรรมดาไปเอี่ยวด้วยสิ!
แต่ว่ารัชทายาทเทียนเจ๋อเป็นเซียนทองไท่อี่ระยะกลาง ค่อนข้างรับมือยาก ไม่รู้ว่าจะปลิดชีพในฉับพลันได้หรือไม่
หนำซ้ำเจ้าหมอนี่ยังมีผู้หนุนหลังใหญ่เป็นถึงบุตรแห่งจักรพรรดิปีศาจด้วย จะไม่เทียบเท่าหลงเฮ่ากับหลงซั่นเลยหรือ
หานเจวี๋ยกลัดกลุ้มใจ
หุ่นเชิดสวรรค์ที่อยู่ไกลๆ ในห้วงอากาศว่างเปล่าลืมตาขึ้น เห็นว่าส่วนลึกของห้วงอวกาศมีเงาร่างหนึ่งกำลังจดจ้องโลกเมฆาแดงไม่วางตา
รัชทายาทเทียนเจ๋อนั่นเอง
รัชทายาทเทียนเจ๋อสวมชุดเกราะสีดำ ผมยาวบนศีรษะปลิวสะบัด เมื่อมองอย่างถี่ถ้วน นั่นกลับเป็นงูพิษที่กำลังส่งเสียงขู่ฝูงหนึ่ง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาเย็นชา กระบอกตาแดงก่ำ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเหี้ยมเกรียมมาก
เขาไม่ได้ลงมือทันที หากแต่สังเกตุการณ์โลกเมฆาแดง
‘ลำดับดวงชะตาของโลกนี้เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในวังสวรรค์ แต่สิ่งมีชีวิตทั่วไปกลับไม่ได้แข็งแกร่ง ค่อนข้างประหลาดทีเดียว’
รัชทายาทเทียนเจ๋อครุ่นคิดเงียบๆ
เวลานี้เอง หุ่นเชิดสวรรค์เอ่ยปากว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร”
รัชทายาทเทียนเจ๋อมองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาคือหุ่นเชิด ก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น “ออกมาสู้กับข้าสักรอบ”
จองหองนัก!
หานเจวี๋ยทำแบบจำลองการทดสอบไปเงียบๆ ขณะเดียวกันก็ให้หุ่นเชิดสวรรค์ถ่วงเวลาไว้
“ไยต้องทำเช่นนี้ด้วย อย่าบอกนะว่าพวกเราโลกมนุษย์ล่วงเกินท่าน” หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ถาม
รัชทายาทเทียนเจ๋อไม่พูดพร่ำทำเพลง ครั้นยกมือขึ้นก็ออกฝ่ามือหนึ่ง พลังเวทไร้ขอบเขตกระหน่ำสังหารไปทางหุ่นเชิดสวรรค์
หุ่นเชิดสวรรค์สำแดงดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพต้านไว้โดยสัญชาตญาณ
หุ่นเชิดสวรรค์ตัวนี้ก็มีตบะระดับเซียนลึกล้ำวัฏจักร แม้จะไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริงจากหานเจวี๋ย แต่ก็ยังอาศัยพลังเวทของตนสกัดกั้นการจู่โจมของรัชทายาทเทียนเจ๋อได้สำเร็จ
“เอ๋!”
รัชทายาทเทียนเจ๋อเพ่งสายตามอง
แค่หุ่นเชิดก็ขวางเขาไว้ได้หรือ
และเวลานี้เอง!
เงาร่างหนึ่งโผล่มาปรากฏตัวอยู่ข้างๆ รัชทายาทเทียนเจ๋อจากความว่างเปล่า เขาเหลือบตามองไปก็เห็นหานเจวี๋ยพอดี
เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลานัก!
รัชทายาทเทียนเจ๋อเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
เขารีบเงื้อฝ่ามือซัดออกไป ฝ่ามือกลายเป็นกรงเล็บสัตว์ที่ดุร้ายข้างหนึ่ง กลางฝ่ามือผุดไอดำมืดสายแล้วสายเล่าออกมา
โฮก!
เสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังสนั่น ดุจดั่งฟ้าผ่ายามกลางวันแสกๆ
หานเจวี๋ยถือกระบี่พิพากษาอนธการ จากนั้นเงื้อกระบี่ฟันไปคราหนึ่ง เงากระบี่นับไม่ถ้วนระเบิดปะทุ เสมือนกระแสน้ำหลากท่วมมิดร่างรัชทายาทเทียนเจ๋อ
ท่ามกลางอุทกธารเงากระบี่ รัชทายาทเทียนเจ๋อหน้าเปลี่ยนสี
‘แย่แล้ว! ปราณกระบี่ของเจ้านี่เหตุใดถึงแข็งแกร่งขนาดนี้’
รัชทายาทเทียนเจ๋อร้องอุทานในใจ เขารีบเปลี่ยนตำแหน่ง หายตัวกระโดดออกไป
เพิ่งปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็รู้สึกทันทีว่าด้านหลังมีปราณกระบี่ที่น่าหวาดกลัวตามมา
เขาดึงทวนเหล็กเล่มหนึ่งออกมาทันใด กำลังจะหันกลับไปโบกทวน ก็พลันถูกเงากระบี่นับไม่ถ้วนท่วมจนมิดอีก
“บัดซบ!”
รัชทายาทเทียนเจ๋อตระหนกตกใจ กายเนื้อถูกทำลายสิ้นอย่างรวดเร็ว
จิตดั้งเดิมของเขาถูกพลังลึกลับขุมหนึ่งปกป้องไว้ จึงไม่ได้เผชิญหน้าการโจมตีพินาศจากปราณกระบี่
หานเจวี๋ยบุกไปสังหารอีกครั้ง มือซ้ายยกขึ้นสำแดงพลังดูดวิญญาณหกสาย ดึงตัวรัชทายาทเทียนเจ๋อเข้ามาตรงหน้า
“ช้าก่อน! ข้าเป็นบุตรแห่งจักรพรรดิปีศาจวังปีศาจ เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้!”
รัชทายาทเทียนเจ๋อร้องบอกด้วยความหวาดกลัว
[รัชทายาทเทียนเจ๋อเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลง ใช้วิชาไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิโจมตีสังหารจิตดั้งเดิมของรัชทายาทเทียนเจ๋ออีกครั้ง
ในเมื่อผูกความแค้นกันแล้ว เช่นนั้นก็ต้องฆ่า!
ถ้าหากเจ้าไม่เกิดความเกลียดชัง เช่นนั้นพวกเราก็ยังพอจะนั่งจับเข่าคุยกันได้!
รัชทายาทเทียนเจ๋อร่างและจิตล้วนดับสูญ!
หานเจวี๋ยถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะรีบกลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทาน
ห้วงอากาศว่างเปล่ากลับสู่ความเงียบสงบดังเดิม ปราณกระบี่สลายไปดุจสายหมอก
หลังกลับมาถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หัวใจของหานเจวี๋ยเต้นถี่รัว
ฆ่าตัวเล็กเสร็จสิ้นแล้ว ตัวใหญ่จะโผล่มาหรือไม่
หานเจวี๋ยเตรียมใจยอมรับชะตากรรมหลังจากนี้เรียบร้อยแล้ว
หนึ่งชั่วยาม
สองชั่วยาม
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องบอกคนอื่น ข้าจะทูลฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ก่อน วางใจเถอะ วังสวรรค์จะเป็นผู้หนุนหลังที่พึ่งพาได้ที่สุดของเจ้าตลอดกาล!” ตี้ไท่ไป๋ทิ้งประโยคนี้ไว้ก็ตัดการติดต่อไป
หานเจวี๋ยไม่สนใจ สาปแช่งศัตรูต่อ และถือโอกาสอ่านจดหมายไปในตัว
หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยเริ่มรังสรรค์ร่างแยกวัฏจักร
ร่างแยกวัฏจักรนี้เอาไว้ใช้ในการพิทักษ์แม่น้ำมรรคกระบี่
สามปีต่อมา หานเจวี๋ยถึงจะสร้างร่างแยกวัฏจักรร่างหนึ่งเสร็จสมบูรณ์ ดูไปแล้วลักษณะเหมือนหานเจวี๋ยไม่มีผิด
อู้เต้าเจี้ยนเห็นแล้วยังตกตะลึง
หานเจวี๋ยหยิบหน้ากากอันหนึ่งออกมา ให้ร่างแยกวัฏจักรสวมใส่ไว้
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าชื่อว่าหลิวเป้ย (เล่าปี่)”
หานเจวี๋ยกล่าวยิ้มๆ จากนั้นก็โบกมือส่งร่างแยกวัฏจักรเข้าไปในแม่น้ำมรรคกระบี่
ตบะของร่างแยกวัฏจักรต่างจากเขาไม่เท่าไรนัก เพียงแต่ไม่ได้รับสืบทอดความทรงจำวิชายุทธ์ของเขา
ถึงแม้หานเจวี๋ยจะสามารถถอดจิตเข้าไปในร่างแยกวัฏจักรและควบคุมกายเนื้อของมันได้ แต่ก็กลัวเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ดังนั้นจึงไม่อาจทำให้ร่างแยกวัฏจักรเหมือนกับตนได้ทุกประการ
อู้เต้าเจี้ยนถามขึ้นอย่างใคร่รู้ “นายท่าน หลิวเป้ยเป็น…”
หานเจวี๋ยกล่าวตอบ “แค่ร่างแยกเท่านั้น ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยไปแม่น้ำมรรคกระบี่ไม่ใช่หรือ ต่อไปเขาจะคอยพิทักษ์แม่น้ำมรรคกระบี่”
พรสวรรค์มรรคกระบี่ของอู้เต้าเจี้ยนก็แกร่งมากเช่นกัน ก่อนหน้านี้เคยไปแม่น้ำมรรคกระบี่มาแล้ว
“ผู้อาวุโสท่านนั้นเล่า” อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความสงสัย
หานเจวี๋ยเอ่ย “มีกิจต้องจากไป”
อู้เต้าเจี้ยนทำเสียงจิ๊ปากอย่างแปลกใจ “นายท่าน ท่านคว้าตำแหน่งนี้มาได้อย่างไรกัน”
“อาศัยพรสวรรค์น่ะ เจ้าไม่เข้าใจหรอก!”
หานเจวี๋ยกลอกตาให้นาง จากนั้นลุกขึ้นเดินมาที่ริมวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
เขาพบว่าลี่เหยาไม่ได้มุ่งหน้ามาค้นหาโลกเมฆาแดง หากแต่ซ่อนตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง
รอบคอบมากทีเดียว รู้จักเปลี่ยนสถานที่ซ่อนตัวด้วย
เดาว่าคงกลัวหานเจวี๋ยหลอกลวงนาง
“ท่านอาจารย์ มู่หรงฉี่เกิดเรื่องแล้ว!”
เสียงของถูหลิงเอ๋อร์ดังเข้ามาจากนอกถ้ำเทวา น้ำเสียงของนางร้อนรน
เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินก็เดินออกมาจากถ้ำเทวาทันที
เห็นเพียงมู่หรงฉี่ชักกระตุกอยู่ใต้ต้นฝูซัง ใบหน้าบิดเบี้ยว ร่างกายกระตุกเกร็งอย่างรุนแรง คนที่เหลือล้วนไม่กล้าวางใจเข้าไปใกล้
……………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...