บทที่ 231 หินซ่อมฟ้า วังหนี่ว์วา
“สหายเต๋า?”
เสียงของพุทธะอาภรณ์ขาวลอยเข้าหูหานเจวี๋ยอีกครั้ง เขาที่ไม่ได้ยินหานเจวี๋ยตอบกลับ รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
‘หรือว่าเขายังทำได้ไม่ดีพอ’
หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหายแวบมาปรากฏตรงหน้าพุทธะอาภรณ์ขาว
พุทธะอาภรณ์ขาวเห็นหานเจวี๋ยออกมาก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ถามขึ้นว่า “ช่วงนี้โลกเมฆาแดงมีบุตรแห่งสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นไม่น้อย ต่อให้อยู่ในแดนเซียนก็ไม่ถือว่าธรรมดา”
หานเจวี๋ยถามอย่างฉงน “เหตุใดเจ้าถึงพยายามอย่างสุดจิตสุดใจเช่นนี้ เจ้าไม่กลับสำนักพุทธแล้วหรือ ไม่กลัวถูกสอบถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียนหรืออย่างไร”
พุทธะอาภรณ์ขาวขมวดคิ้วกล่าว “สหายเต๋า หรือเจ้าไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริง จักรพรรดิสวรรค์ให้ข้าช่วยเจ้า เจ้าจะไม่รู้เชียวหรือ”
“ข้าถามเจ้าว่าไม่กลัวสำนักพุทธโกรธแล้วไปพาลกับคนอื่นหรือ”
“ไม่เป็นไร เดิมทีเรื่องการตามหาบรรพชนพุทธภควัตก็เป็นเรื่องยากมากอยู่แล้ว เป็นการยากที่จะทำสำเร็จในช่วงเวลาไม่กี่ร้อยปี ข้าสามารถถ่วงเวลาได้ระยะหนึ่ง บรรพชนพุทธคำนวณไม่ถึงตัวข้า บนตัวข้ามียอดสมบัติ”
“เช่นนั้นเจ้าไม่กลัวว่าจะถูกสงสัยหรือ”
“เดิมทีเขาก็สงสัยข้าอยู่แล้ว กลัวอะไรกัน เขาส่งข้ามาก็เพื่อลองหยั่งเชิงดู”
หานเจวี๋ยเห็นท่าทีมั่นใจของพุทธะอาภรณ์ขาว เขาก็หมดคำพูด
‘นี่มันบ้าระห่ำเกินไปแล้ว!’
หากเขาเป็นบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จะต้องสังหารพุทธะอาภรณ์ขาวให้ได้
ต่อไปต้องระวังหน่อย
เพื่อป้องกันไม่ให้ศิษย์ในสำนักของตนเป็นคนทรยศอย่างพุทธะอาภรณ์ขาว
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ และเอ่ยปากกล่าวว่า “เรื่องบุตรแห่งสวรรค์ เจ้าเป็นคนจัดการเถอะ”
มีป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์อยู่ เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าพุทธะอาภรณ์ขาวจะเล่นลูกไม้อะไร
ภายใต้มรรคาสวรรค์ เขาสามารถตรวจตราและควบคุมพุทธะอาภรณ์ขาวได้ตลอดเวลา ต่อให้พุทธะอาภรณ์ขาวจะมียอดสมบัติก็ตาม
หากพุทธะอาภรณ์ขาวมาก่อความวุ่นวาย เขาสามารถสังหารพุทธะอาภรณ์ขาวได้ทันที
“ข้าช่วยเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้าก็ไม่รู้จักขอบคุณข้าเลยหรือ” พุทธะอาภรณ์ขาวกล่าวยั่วเย้า
หานเจวี๋ยกล่าวด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “พูดอย่างกับเจ้าไม่ได้รับผลประโยชน์เสียอย่างนั้น ข้ายอมให้เจ้าเผยแพร่นิกายเพิ่มพูนดวงชะตาในโลกมนุษย์ ก็นับว่ามีบุญคุณต่อเจ้ามากแล้ว”
พุทธะอาภรณ์ขาวไร้คำพูดทัดทาน เพราะหานเจวี๋ยกล่าวได้มีเหตุผล
“เช่นนั้นก็ตามนี้เถอะ”
หานเจวี๋ยทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วก็หายไปจากที่เดิม
พุทธะอาภรณ์ขาวส่ายหน้าอดยิ้มไม่ได้ จากนั้นหมุนตัวจากไป
หานเจวี๋ยไม่ได้กลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทานในทันที แต่กลับมาเทศนาธรรมให้บรรดาศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นใต้ต้นฝูซัง
ผ่านไปหลายปีเพียงนี้ ศิษย์เหล่านี้ที่ตบะอ่อนแอที่สุดก็อยู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์
พลังวิญญาณในเขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังเข้มข้นที่สุดในใต้หล้า
โจวหมิงเยวี่ยที่อยู่ในระดับฝ่าด่านเคราะห์เที่ยวระเหเร่ร่อนต่อสู้ในโลกกว้างจนมีลักษณะน่าเกรงขามขึ้นมาแล้ว หลังจากรับช่วงต่อจากมู่หรงฉี่ เขาก็กลายเป็นศิษย์เอกรุ่นใหม่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งไม่กล้าลากหานเจวี๋ยมาข้องเกี่ยวด้วย จึงได้แต่ลงมือกับศิษย์ของหานเจวี๋ยเท่านั้น
ที่จำต้องกล่าวถึงก็คือ ตบะของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งได้ทะลวงถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นสองแล้ว ไม่ต้องเผชิญกับทุกข์ของเรื่องขีดจำกัดอีก
ครึ่งปีต่อมา
หานเจวี๋ยสิ้นสุดการเทศนาธรรม
หลงเฮ่าเอ่ยปากกล่าว “อาจารย์ ข้าอยากเรียนมรรคกระบี่เทียมฟ้า!”
ตั้งแต่อู้เต้าเจี้ยนสำเร็จมรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่สองเป็นต้นมา ความสามารถก็เพิ่มพูน วิชากระบี่ที่งดงามเหล่านั้น ทำให้หลงเฮ่าจ้องตาเป็นมัน
ไก่คุกรัตติกาลพูดตามมาว่า “ข้าก็อยากเรียน!”
หานเจวี๋ยกล่าว “มรรคกระบี่นี้เรียนยาก หัวหน้าเซียนฝ่ายบุ๋นของวังสวรรค์อย่างตี้ไท่ไป๋ต้องใช้เวลากว่าพันปีถึงจะฝึกได้เชี่ยวชาญ ซึ่งนี่เป็นการแสดงออกของคุณสมบัติที่โดดเด่นแล้ว”
“คุณสมบัติข้าก็ไม่เลว”
หลงเฮ่ากล่าวอย่างจริงจัง ไก่คุกรัตติกาลกลับนิ่งเงียบ
หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ยังมีใครอยากเรียนอีก ข้าจะสอนพวกเจ้าพร้อมกันในคราเดียว”
สวินฉางอัน โจวหมิงเยวี่ยและเจ้าใหญ่อย่างอีกาทองพากันยกมือ
ฉู่ซื่อเหรินไม่สนใจ ถูหลิงเอ๋อร์ไม่เชี่ยวชาญมรรคกระบี่ คุณสมบัติมรรคกระบี่ของอีกาทองอย่างเจ้ารองก็มีจำกัด
หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มถ่ายทอดวิชากระบี่เทียมฟ้าขั้นที่หนึ่ง
หลายวันต่อมา หานเจวี๋ยมาตรงหน้าเถาน้ำเต้าพิภพเซียน
น้ำเต้าเจ็ดลูกก็มีขนาดใหญ่เท่าน้ำเต้าในโลกมนุษย์แล้ว หายเจวี๋ยนำขวดหยกเขียวใบเล็กออกมาใบหนึ่ง ด้านในนั้นมีเลือดบริสุทธิ์บรรพชนจอมเวทบรรจุอยู่ เขากรอกเลือดบริสุทธิ์บรรพชนจอมเวทเข้าไปในน้ำเต้าพิภพเซียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...