บทที่ 299 อนาคตอันมืดมน เทียบเคียงจักรพรรดิสวรรค์
อายุขัยหนึ่งพันล้านปี?
นี่มันกับดักยักษ์!
จิตใต้สำนึกของหานเจวี๋ยอยากจะปฏิเสธ แต่เขายังคงลังเลใจ
แม้ว่าเขาจะมีอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี ผลาญไปแค่หนึ่งพันล้านปีไม่นับว่าเสียหายอะไรนัก แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี
เขากลัวว่าตนเองจะเสพติด
คำสาปแช่งเริ่มผลาญอายุขัยแล้ว ยิ่งเพิ่มความสามารถวิวัฒนาการเข้าไปอีก ต่อไปจะไม่สูบอายุขัยจนตนเองถึงแก่ความตายเลยหรือ
แต่การเสียอายุขัยเพียงหนึ่งในแสนเพื่อได้เข้าใจแนวโน้มของมรรคาสวรรค์ ก็ไม่เลวเหมือนกัน!
หากเป็นจักรพรรดิสวรรค์ เขาก็สามารถที่จะสบายใจได้
หากว่าเป็นศัตรู เขายังจะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
‘แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งต่อไปหากต้องผลาญอายุขัยถึงหนึ่งพันล้านปีอีก จะเลิกใช้เด็ดขาด!’
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบงัน จากนั้นจึงเลือกดำเนินการด้วยสีหน้ากล้ำกลืน
ทันใดนั้นเอง จิตรับรู้ของเขาก็เริ่มเกิดความปั่นป่วน ทรมานเป็นอย่างมาก
ความสามารถวิวัฒนาการไม่เพียงแต่บอกผลลัพธ์ง่ายๆ เพียงเท่านั้น แต่ยังแสดงภาพเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้เห็นอีกด้วย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดหานเจวี๋ยก็พลันได้สติขึ้นมา
เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง โลกาสวรรค์มืดครึ้ม ดวงอาทิตย์และจันทราไร้แสงสาดส่อง รอบด้านมีเพียงซากศพกลาดเกลื่อนนับไม่ถ้วน เลือดสีดำหลั่งไหลมารวมกันเป็นทะเลสาบโลหิต เจิ่งนองไปทั่วแผ่นดิน
เงียบสงัด!
ว่างเปล่า!
หานเจวี๋ยหันไปมองรอบๆ กาย ดวงตาเห็นเพียงภาพแห่งความสิ้นหวัง
นี่ก็คือโลกาสวรรค์ภายหลังจากมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตอย่างนั้นหรือ
ยามนี้หานเจวี๋ยถึงได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต
หือ?
หานเจวี๋ยพลันขมวดคิ้ว สุดปลายสายตาที่ทอดมองออกไป เห็นเงาร่างสูงใหญ่กำลังยืนตระหง่านดุจดั่งขุนเขาอยู่บนผืนดินกว้างใหญ่ไพศาล แขนของร่างนี้ถูกตัดขาดทั้งสองข้าง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงหน้าฉายแววสยดสยอง ดวงตาของเขาไร้แวว หลงเหลือเพียงเปลือกนอก จิตวิญญาณถูกทำลายจนสิ้นซาก
จักรพรรดิสวรรค์!
หานเจวี๋ยราวกับถูกสายฟ้าฟาด จักรพรรดิสวรรค์แพ้พ่ายอย่างนั้นหรือ
แย่แล้ว หากจักรพรรดิสวรรค์เป็นผู้ปราชัย!
เช่นนั้นใครกันเป็นผู้ชนะ
ในตอนนี้เอง ลำแสงสีทองก็ส่องทะลุลงมาผ่านม่านเมฆ สาดกระทบสู่ผืนดินใหญ่ ปัดเป่าความมืดมิดในโลกาสวรรค์จนมลายสาบสูญ
“อมิตาภพุทธ!”
สุรเสียงอันกึกก้องดังขึ้น พระพุทธรูปทองคำขนาดมหึมาเทียบเท่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งลอยลงมาจากฟากฟ้า
“ข้าคือบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ นำสำนักพุทธมาชำระล้างมหาเคราะห์ ปัดเป่าแรงกรรมในโลกาสวรรค์ นำแสงสว่างและความหวังมาสู่สรรพสัตว์ทั้งปวง”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
สำนักพุทธชนะหรือ?
อีกทั้งยังเป็นบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์อีกด้วย!
หานเจวี๋ยลืมไม่ลงว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์นั้นมีความเกลียดชังในตัวเขาระดับสี่ดาว
แย่แล้ว!
ศัตรูกลับเป็นฝ่ายชนะจริงๆ ด้วย!
หานเจวี๋ยสังหารพุทธะพิชิตชัย และชิงตัวพุทธะอาภรณ์ขาวไป ความเกลียดชังนี้เห็นทีคงไม่อาจหาหนทางแก้ไขได้ นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังทอดถอนใจนั้น เขาพลันสังเกตเห็นแสงสีทองของร่างบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นพระพุทธรูปสีดำองค์หนึ่ง พร้อมกับแสงแวววาวของโลหะที่สะท้อนบนผิวกายของเขา
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัว ใบหน้าไร้ความรู้สึกของเขาฉายแววเหี้ยมโหด เผยรอยยิ้มอันน่าสยดสยองออกมา
ปีกสีดำทะมึนกลางแผ่นหลังของเขาสยายกว้างบดบังท้องนภาและดวงตะวัน
โลกาสวรรค์ตกอยู่ในความมืดมิดอีกครา!
“อนิจจา แสงสว่างและความหวังช่างแสนสั้น ความมืดมิดที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว!”
น้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความบ้าคลั่งของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้ง
ตู้ม!
ภาพเบื้องหน้าของหานเจวี๋ยแหลกสลายราวกับกระจกที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาตื่นขึ้น จิตรับรู้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เขาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
“นายท่าน เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล
หานเจวี๋ยเรียกคืนสติกลับมา ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าออกไปก่อนเถิด”
อู้เต้าเจี้ยนนิ่งตะลึง นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจากไป
กระทั่งในถ้ำเทวาฟ้าประทานเหลือเพียงหานเจวี๋ยคนเดียว เขาจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา ใส่พลังเวทเข้าไปในหนังสือ ทันใดนั้นเอง หน้าปกหนังสือก็ส่องแสงสีดำทะมึนสาดกระทบใบหน้าของเขา
‘มารดามันเถอะ! สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นศัตรูที่หัวเราะทีหลังตามคาด!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...