ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 381

บทที่ 381 แผนของตี้จวิน ถ่ายทอดวิชาแก่ลี่เหยา

หลังจากตี้จวินเงียบไป หานเจวี๋ยกลับไม่อาจสงบใจได้เลย

คนผู้นี้มาหาเขาด้วยเรื่องใดกันแน่

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องใช้ระบบวิวัฒนาการเพื่อทำนาย

‘ข้าอยากรู้ว่าตี้จวินมาหาข้าด้วยสาเหตุใด’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

มากขนาดนี้เชียวหรือ

มากกว่าการวิวัฒนาการฉากจบของมหาเคราะห์เสียอีก!

หานเจวี๋ยกัดฟัน เลือกดำเนินการต่อเงียบๆ

จากนั้น จิตรับรู้ของเขาก็เข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

ที่นี่คือห้วงมิติมืดมัว ปราณฟ้าบุพกาลตลบอบอวลราวกับเมฆหมอกล่องลอย เงาร่างหนึ่งยืนเหนือเมฆ ข้างกายมีเงาแสงที่ดูราวกับเปลวเทียนสายหนึ่ง

เงาร่างนี้คือตี้จวิน

ตี้จวินดูแตกต่างไปจากที่หานเจวี๋ยจินตนาการไว้ บุคลิกมิได้ดุดันน่าเกรงขาม ถึงขั้นที่ดูอ่อนโยนยิ่งนัก

ดูเหมือนเขาจะคิดเรื่องบางอย่างอยู่ เงียบขรึมไม่พูดจา ท่าทางเหม่อลอย

เงาแสงเทียนพลันเปล่งเสียงมนุษย์ออกมา “อริยะรายอื่นล้วนลงมือแล้ว เจ้ายังไม่เคลื่อนไหวอีกหรือ”

ตี้จวินตอบเรียบๆ ว่า ”เหตุใดข้าต้องลงมือด้วย ข้าเป็นอมตะ ต่อให้มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือน ข้าก็ไม่หวั่น”

“แต่ถ้าหากสิ่งมีชีวิตที่ศรัทธาในตัวเจ้าสิ้นสูญไปหมด พลังมรรคของเจ้าจะได้รับผลกระทบ อริยะรายอื่นจะไม่วางแผนปองร้ายเจ้าจริงๆ น่ะหรือ”

คำพูดของเงานั้นทำให้ตี้จวินอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

ผ่านไปสักพักหนึ่ง

ตี้จวินเอ่ยขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ข้าไปหายอดแม่ทัพเทพแห่งวังสวรรค์แล้ว ยังไม่พออีกหรือ”

“ไม่พอ เพราะเขาคือคนของวังสวรรค์ เป็นตัวหมากของจักรพรรดิสวรรค์อยู่แล้ว”

“เช่นนั้นข้าก็มีตัวเลือกอยู่อีกคน”

ตี้จวินแย้มยิ้ม จากนั้นมือขวาเริ่มขยับทำมุทรา สำแดงพลังวิเศษบางอย่าง

ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าเขามืดครึ้มลง เขาทำมุทราต่อไป

ฉากสถานการณ์พังทลายลงไปเช่นนี้

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่โลกแห่งความจริง

ตี้จวินอยากใช้เขาเป็นตัวหมากหรือ

โชคดีที่ไม่ได้ตอบรับการขอเข้าฝันของเขา!

ไม่น่าเชื่อว่าคนผู้นี้จะยื่นมือเข้าไปในวังสวรรค์ด้วย จักรพรรดิสวรรค์ต้องรับทั้งศึกนอกศึกในจริงๆ

หานเจวี๋ยไม่คิดมากต่อไปอีก ขอเพียงตี้จวินไม่สร้างผลกระทบมาถึงเขาก็พอ

ตอนนี้ หานเจวี๋ยยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปล่วงเกินอริยะ ถ้าไม่ล่วงเกินได้ก็พยายามจะไม่ล่วงเกิน แต่ต่อให้ล่วงเกินไป อีกฝ่ายก็หาเขาไม่พบอยู่ดี

หลังจากหานเจวี๋ยเข้าใจต้นสายปลายเหตุก็ไม่คิดมากอีก ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ

นับตั้งแต่สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นแข็งแกร่งขึ้น เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นที่เหลือต่างได้รับแรงกระตุ้น พากันพากเพียรบำเพ็ญ รวมถึงฉู่ซื่อเหรินด้วย

นี่กลับเป็นเรื่องดี

เนื่องจากมีอาณาเขตเต๋าคอยคุ้มกัน พวกเขาทุกคนจึงเผลอหย่อนยานกันไปชั่วระยะหนึ่ง

….

เจ็ดปีผ่านไป

ลี่เหยามาเยี่ยมคารวะหานเจวี๋ย

น้อยครั้งมากที่นางจะเป็นฝ่ายมาหาหานเจวี๋ยเอง ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจ

หลังจากเข้ามาในถ้ำ นางคุกเข่าลงเบื้องหน้าหานเจวี๋ย เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจ้าสำนัก ข้าอยากแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งเหมือนกับท่าน ขอท่านโปรดถ่ายทอดมรรควิถีให้ข้าด้วยเถิด วันหน้าข้าไม่มีทางทรยศต่อสำนักซ่อนเร้นแน่!”

ตบะของนางบรรลุระดับเซียนทองไท่อี่ระยะสมบูรณ์แล้ว อยู่ไม่ไกลจากระดับจักพรรรดิ แต่ทำอย่างไรนางก็เอื้อมไม่ถึงเลย

กล่าวอีกอย่างคือ ตบะของนางบรรลุถึงขีดจำกัด ไม่อาจยกระดับได้อีก

หานเจวี๋ยถาม “เจ้าต้องการวิชายุทธ์หรือ”

ลี่เหยาพยักหน้า มองหานเจวี๋ยด้วยความกระสับกระส่าย

หานเจวี๋ยตอบรับโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ได้”

[ค่าความประทับใจที่ลี่เหยามีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 6 ดาว]

หานเจวี๋ยรู้สึกพึงพอใจ ดูเหมือนลี่เหยาจะแสวงหามรรคาด้วยความจริงจังตั้งใจ

ค่าความประทับใจเพิ่มขึ้น มิใช่ว่ายอมทำตามที่เขาต้องการทุกอย่างแล้วหรอกหรือ

หานเจวี๋ยเอ่ยไปว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าจะถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้เจ้า มรรควิถีนี้มีนามว่ามหามรรควัฏจักรอนธการ ห้ามเจ้าแพร่งพรายต่อบุคคลที่สาม รวมถึงสมาชิกสำนักซ่อนเร้นคนอื่นๆ ด้วย”

ลี่เหยาได้ฟังก็รู้สึกยินดีปรีดา รีบเอ่ยรับประกันเป็นมั่นเหมาะ

ได้รับการปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษเช่นนี้ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็ล้วนรู้สึกซาบซึ้งด้วยกันทั้งสิ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ