ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 465

บทที่ 465 หินวิญญาณมรรคาสวรรค์ก้อนแรก ความตกตะลึงของโจวฝาน

“ตอนนี้วังสวรรค์ยอมจำนนต่อเผ่าสวรรค์หรือ” หานเจวี๋ยถามตรงๆ

ฟางเหลียงเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่ข้าคิดออกขอรับ จี้เซียนเสินและข้ามีไมตรีแน่นแฟ้น พวกเราร่วมมือกัน ก็เท่ากับได้ควบคุมทั้งเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์และกลุ่มอิทธิพลมรรคาสวรรค์ ต่อไปในอนาคตพวกเราก็ไม่ต้องมองสีหน้าของอริยะอีกต่อไป”

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนดู ความสัมพันธ์ระหว่างจี้เซียนเสินและฟางเหลียงนั้นไม่เลวเลยจริงๆ อยู่ร่วมกันมานานหลายพันปี

อย่างไรก็ตามหากเปลี่ยนเป็นหานเจวี๋ย เขาจะไม่มีทางไปพึ่งพาคนอื่นเด็ดขาด

“แล้วไปเถอะ ขอเพียงมีอัตราความเสี่ยง ข้าไม่มีทางปล่อยให้เพื่อนร่วมสำนักของเจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวง่ายๆ” หานเจวี๋ยกล่าวเรียบๆ

ฟางเหลียงถอนหายใจ ทว่าก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายเลย

เขาถามด้วยความอยากรู้ “ในสำนักซ่อนเร้นศิษย์คนใดแข็งแกร่งที่สุดหรือขอรับ”

หานเจวี๋ยตอบว่า “ผู้แข็งแกร่งที่สุดเพิ่งบรรลุถึงระดับจักรพรรดิเซียน”

“ไม่เลวเลย”

“แน่นอน พากเพียรบำเพ็ญมีประโยชน์ยิ่งนัก”

“อาจารย์กล่าวถูกแล้วขอรับ”

ทั้งสองพูดคุยกันต่อไม่กี่ประโยคก็ตัดการเชื่อมต่อไป

ณ พระราชวังเทียมเมฆา

ฟางเหลียงวางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง ถอนหายใจออกมาเงียบๆ

อาจารย์พูดจาสุภาพเกรงใจ ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นจะเหินห่างกันไปเสียแล้ว

พูดกันตามตรงคืออาจารย์กังวลว่าเขาจะฉุดสำนักซ่อนเร้นลงน้ำไปด้วย

ฟางเหลียงอดไม่ได้ที่จะย้อนทบทวนดู เส้นทางที่ตนก้าวเดินถูกต้องแล้วจริงๆ น่ะหรือ

เขาไม่เชื่อว่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักซ่อนเร้นจะอยู่ระดับจักรพรรดิเซียน ต้องมีผู้ที่บรรลุระดับเทพแล้วอย่างแน่นอน!

เวลานี้เอง ยอดแม่ทัพเทพเดินเข้ามาในตำหนัก

เขาเข้ามาทำความเคารพตรงหน้าฟางเหลียง เอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท แดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์ต่างถูกสำนักพุทธ นิกายเจี๋ย นิกายฉ่าน นิกายเหรินรวมถึงเผ่าสวรรค์เข้ายึดครองทั้งยังวางกำลังไว้หมดแล้ว วังสวรรค์ของพวกเราจะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”

ฟางเหลียงกล่าวว่า “มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่ สรรพสิ่งยังมิปรากฏ วางกำลังในยามนี้แล้วอย่างไรเล่า ทำได้เพียงยึดครองพื้นที่ไว้เท่านั้น”

ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยต่อ “ฝ่าบาท ท่านเรียกตัวเผ่าสกุลฟางให้จุติลงสู่โลกก่อน ให้ขยายเผ่าพันธุ์อย่างต่อเนื่อง วันหน้าก็จะกลายเป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งเช่นกัน ”

“อืม ความคิดนี้ยอดเยี่ยมนัก”

ฟางเหลียงหันเหหัวข้อสนทนา ถามขึ้นว่า “แม่ทัพเทพสวรรค์และแม่ทัพเทพยุทธ์เล่า”

ยอดแม่ทัพเทพตอบอย่างสงบ “พวกเขาเข้าร่วมนิกายเหรินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฟางเหลียงเงียบไป

หลังจากเผชิญมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต เทพเซียนทั้งหมดในวังสวรรค์รวมกันแล้วเหลืออยู่ไม่ถึงร้อย ทหารและแม่ทัพสวรรค์ล้วนสิ้นชีพไปเพราะพลังวิเศษทำลายมรรคา

จนตรอกและอับจนหนทาง นี่คือนิยามของวังสวรรค์ในตอนนี้

ยอดแม่ทัพเทพคล้ายจะมองออกว่าฟางเหลียงอารมณ์มิสู้ดี จึงเอ่ยปลอบใจ “ฝ่าบาท วังสวรรค์รอดมาได้ก็นับเป็นโชคดีมหาศาลแล้ว พวกเราประสบหายนะครั้งใหญ่จากศึกระหว่างอริยะ ท่านทำดีที่สุดแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย”

ฟางเหลียงยิ้มออกมา กล่าวว่า “เรามียอดแม่ทัพเทพอยู่ ในใจย่อมมีความหวัง”

….

เวลาผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งอริยะมิ่งจีพลางตรวจดูจดหมาย

[จ้าวเซวียนหยวนลูกศิษย์ของท่านได้รับยอดสมบัติเผ่ามนุษย์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากอริยะ ดวงชะตาได้รับการชี้ทางเบิกปัญญา พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[อู้เต้าเจี้ยนสหายของท่านได้รับสมบัติวิญญาณมรรคาสวรรค์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[เต้าจื้อจุนลูกศิษย์ของท่านพลัดหลงเข้าสู่ดินแดนเผ่าพันธุ์บรรพกาล]

[เจ้าใหญ่สหายของท่านกลืนกินชีพจรวิญญาณ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[เจ้ารองสหายของท่านกลืนกินชีพจรวิญญาณ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[โจวฝานสหายของท่านถูกคืนชีพโดยผู้ทรงพลังลึกลับ หวนสู่แดนเซียน]

[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านฟื้นฟูวิชาวัฏจักรหกวิถี]

….

ต่างเป็นโชควาสนาทั้งสิ้น!

หานเจวี๋ยเห็นโจวฝานฟื้นคืนชีพมาหลายต่อหลายครั้ง จึงไม่รู้สึกประหลาดใจแล้ว

เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าอริยะเจ็ดวิถีดวงจิตมหามรรคมีความคิดต่อมรรคาสวรรค์ ดังนั้นถึงได้คืนชีพให้โจวฝานซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สงสารเพียงโม่ฝูโฉ่ว นับว่ากลายเป็นของร่วมฝังไปเสียแล้ว

ห้าวันต่อมา

หานเจวี๋ยหยุดการสาปแช่ง ขณะที่กำลังจะบำเพ็ญต่อนั้นเอง

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

หืม?

ไม่ได้เห็นแจ้งเตือนเช่นนี้มานานมากแล้ว หานเจวี๋ยรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ