ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 513

บทที่ 513 ขีดจำกัดของพลังเวท เป้าหมายพิสูจน์มรรค

วานรแขนยักษ์?

หวงจี๋เฮ่าขมวดคิ้ว เขาเคยได้ยินชื่อดังกล่าว แต่ไม่ได้รู้สึกประทับใจมากมายนัก

หรือว่าในสำนักซ่อนเร้นจะมีวานรแขนยักษ์ซ่อนตัวอยู่?

หลี่เสวียนเอ้ากล่าว “เมื่อมาถึงสำนักซ่อนเร้นแล้ว ก็อย่าได้คิดก่อเรื่องสร้างปัญหา ในยามปกติก็จงตั้งใจฝึกบำเพ็ญไว้ เจ้าน่าจะรู้สึกได้ว่าไอเซียนของที่นี่เข้มข้นกว่าไอเซียนในแดนเซียน ที่นี่เป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญที่สมบูรณ์แบบที่สุด”

หวงจี๋เฮ่าลองสัมผัสอย่างถ้วนถี่ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ช่างเป็นไอเซียนและปราณฟ้าประทานที่เข้มข้นยิ่งนัก!

ที่นี่น่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าสวรรค์ หรืออาณาเขตเต๋าของอริยะเสียอีก!

หากได้ฝึกบำเพ็ญที่นี่ละก็…

หัวใจของหวงจี๋เฮ่าเต้นระรัว รู้สึกดีใจที่ตนเองมาถึงที่นี่ได้

เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “อาจารย์ เจ้าสำนักซ่อนเร้นคือ…”

หลี่เสวียนเอ้าจ้องหน้าเขา และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เรื่องอะไรที่ไม่ควรถาม ก็อย่าถาม!”

หานเจวี๋ยมักจะใช้หยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราตลอดเวลา ทำให้ศิษย์ในนามส่วนมากล้วนแต่ไม่เคยมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา หลี่เสวียนเอ้าเดาออกว่าหานเจวี๋ยต้องการจะปิดบังตัวตน จึงไม่สามารถบอกกับหวงจี๋เฮ่าได้

หลังจากที่หวงจี๋เฮ่าถูกข่มขู่ เขาก็ยิ่งสงสัยกว่าเดิม

ใครกันแน่ที่มาแทนที่หานเจวี๋ย

การเข้าร่วมของหวงจี๋เฮ่าไม่ได้เป็นที่ฮือฮาในสำนักซ่อนเร้นแต่อย่างใด อย่าว่าแต่ศิษย์รุ่นใหม่เลย แม้แต่ศิษย์รุ่นเก่าต่างก็ลืมเลือนเขาไปแล้ว

บุญคุณความแค้นเมื่อสามหมื่นกว่าปีก่อน ใครจะไปจำได้อย่างชัดเจน

ที่หานเจวี๋ยจดจำหวงจี๋เฮ่าได้ ก็เป็นเพราะหวงจี๋เฮ่ามีความเคลื่อนไหวในจดหมายบ่อยๆ

หลายปีผ่านไป

หลังจากที่หานเจวี๋ยตั้งใจพิสูจน์มรรคแล้ว เวลาก็เริ่มดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

ภายในชั่วพริบตา

ก็ผ่านไปอีกแปดร้อยปี

หานเจวี๋ยเดินออกมาจากอารามเต๋า ไปเดินเล่นในเขตเซียนร้อยคีรี

เขามีความเข้าใจในมหามรรคต้นกำเนิดอย่างลึกซึ้ง ตบะไม่มีทางเติบโตขึ้นได้อีกแล้ว ทว่าเส้นทางสู่การพิสูจน์มรรคยังเหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียว

แล้วก้าวที่ว่าคือก้าวไหนกันแน่

หานเจวี๋ยคิดไม่ตก

เขารู้สึกว่าการหยุดการฝึกบำเพ็ญและปล่อยวางตนเองเป็นสิ่งจำเป็น

แสงศักดิ์สิทธิ์จากหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราบดบังใบหน้าของหานเจวี๋ย ศิษย์ทั้งหลายที่พบกับหานเจวี๋ยระหว่างทาง ต่างคุกเข่าลงทำความเคารพ หานเจวี๋ยไม่ได้หยุดพูดคุยกับพวกเขา แต่กลับเดินไปเรื่อยๆ ตามทางของตนเอง

เมื่อมองดูเบื้องหลังของเขา เหล่าศิษย์ในนามทุกคนต่างเผยสีหน้าที่แสดงถึงความเคารพบูชา และห่วงหาออกมา

เพราะหานเจวี๋ย พวกเขาจึงมีสถานที่ที่พวกเขาสามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสงบ แม้แต่เหล่าอริยะก็ไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้

หลังจากเดินรอบเขตเซียนร้อยคีรีหนึ่งรอบ หานเจวี๋ยก็ราวกับจะเกิดการตระหนักรู้

ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

อริยะคืออะไร

เป็นเพียงคนที่มีพลังเวทสูงส่งเท่านั้นหรือ

ไม่ใช่เพียงเท่านั้น

นอกจากตบะจะอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว สภาพจิตใจยังต้องเพียบพร้อม

หานเจวี๋ยมีประสบการณ์ในชีวิตนี้น้อยเกินไป น้อยจนถึงขั้นที่อาจจะสู้มนุษย์ปุถุชนไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

‘บางทีเราควรจะออกไปข้างนอกสักครั้ง’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดเงียบๆ สายตาพลันเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้นมา

‘หากข้าจะออกจากอาณาเขตเต๋า ไปท่องแดนเซียนในตอนนี้ จะมีอันตรายหรือไม่’

หานเจวี๋ยถามอย่างระมัดระวัง

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

[ไม่มี]

หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะกลับเข้าไปในอารามเต๋า และเริ่มต้นสร้างหุ่นเชิดสวรรค์ขึ้น

เขาต้องทิ้งร่างแยกไว้ในอารามเต๋าสักร่าง ถึงจะออกไปเผชิญโลกกว้างได้อย่างสบายใจ

ไม่กี่วันต่อมา หานเจวี๋ยก็จากไปอย่างเงียบเชียบ ไม่บอกใครทั้งสิ้น

เขาปกปิดตบะของตนเองไปสู่ระดับสุญตา ยอดสมบัติทั้งตัวก็ใช้พลังเวทซ่อนเอาไว้ แสดงตัวเป็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีขาวธรรมดา ทว่าใบหน้ายังคงเป็นใบหน้าที่แท้จริงซึ่งงดงามเป็นหนึ่งไม่มีสองของตน

ผ่านมาสามหมื่นกว่าปีแล้ว หานเจวี๋ยเพิ่งจะเคยออกไปผจญแดนเซียนเป็นครั้งแรก แม้จะรู้ดีว่าไม่มีอันตรายใด แต่ก็ยังอดรู้สึกกังวลไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ