บทที่ 553 ใช่เขาจริงๆ เจ้านิกายทงเทียน
ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
หน้าประตูใหญ่ของวังไร้วิถี สิ่งมีชีวิตปรากฏตัวขึ้นทีละรายสองราย ส่วนใหญ่ล้วนมีท่าทางปรีดา จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่ประตูใหญ่ที่แสงเจิดจ้าส่องระยับ
แห่แหนมากันไม่ขาดสาย!
หลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง!
ห้วงมิติภายในวังไร้วิถีคล้ายจะกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด สามารถจุสิ่งมีชีวิตทั้งแดนเซียนไว้ได้
หานทั่วพลันปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศด้านหน้าวังไร้วิถี เขาเงยหน้ามอง ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น คาดหวัง รวมถึงเป็นกังวล
“น้องหานทั่ว เจ้าก็มาด้วยหรือ”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยแว่วมา หานทั่วหันไปมอง พลันเอ่ยด้วยความยินดี “พี่เจี่ยอวี้ ท่านก็มาหรือ!”
เจี่ยอวี้ฝ่าฝูงชนเข้ามา เดินมาหยุดตรงหน้าหานทั่ว
ได้พบกันอีกครั้ง ทั้งสองมีความสุขยิ่ง
พูดคุยกันอยู่สักพัก พวกเขาถึงได้เข้าสู่วังไร้วิถีพร้อมกัน
รูปการณ์เช่นนี้ฉายซ้ำหน้าวังไร้วิถีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมาสดับฟังธรรม ผู้บำเพ็ญมากมายมารวมตัวกัน แน่นอนว่ามีศัตรูคู่แค้นมาพบพานกันด้วย ต่างฝ่ายต่างตาแดงฉาน แต่อย่างไรก็ไม่กล้าก่อเรื่องในอาณาเขตเต๋าของอริยะ
อีกด้านหนึ่ง
เหล่าอริยะรวมตัวกันในอาณาเขตเต๋าของฉิวซีไหล
“คนผู้นี้โอหังเกินไปแล้ว! เขาคิดจะทำอะไร รับสิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์เป็นศิษย์ จะครอบครองมรรคาสวรรค์ไว้คนเดียวหรือ” เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว โมโหจนตัวสั่นไปหมด
ดวงตาของเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยฉายแววยะเยือกแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “เกินไปแล้วจริงๆ ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง”
ฉิวซีไหลก็ข่มความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เทพสูงสุดอู๋ฝ่าเพิ่งมาได้เท่าไรกันเชียว
มหาจักรพรรดิเซียวก็อยู่ตกอยู่ในความขุ่นข้องเช่นกัน เขาเริ่มคิดหามาตรการตอบโต้แล้ว
ในเวลานี้เอง
“ทุกท่าน เหตุใดมรรคาสวรรค์จึงมีอริยะเพิ่มขึ้นมาอีกรายเล่า”
เสียงหนึ่งแว่วเข้ามา มองเห็นหลี่มู่อีโผล่มาจากอากาศ ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก
เมื่อเห็นเขาปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของเหล่าอริยะก็มืดดำทันที
สีหน้าของหลี่มู่อีเองก็ค่อนข้างอิดโรยเช่นกัน เขาสังเกตเห็นว่าบรรยากาศผิดปกติ จึงเอ่ยขึ้นว่า “หรือว่ามิได้มาจากการสนับสนุนของพวกเจ้า”
เทพสูงสุดหนานจี๋ทำสีหน้าประหลาดใจอย่างมีเลศนัย “โอ้ นี่มิใช่อริยะแห่งนิกายเหรินหรอกหรือ เคราะห์แห่งโลกพันอนันต์ของเจ้าคลี่คลายแล้วหรือ”
หลี่มู่อีขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “ไม่เลย ข้าเตรียมหักใจละทิ้งโลกพันอนันต์แล้ว”
“พวกเจ้าบอกเรื่องอริยะรายใหม่ผู้นั้นกับข้าก่อนเถิด เหตุใดถึงมีสิ่งมีชีวิตมากมายปานนี้มุ่งหน้าไปยังอาณาเขตเต๋าของเขากันเล่า”
เหล่าอริยะมองหน้ากัน สุดท้ายก็เป็นเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยที่บอกเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ต่อหลี่มู่อี
หลังจากได้ฟังหลี่มู่อีก็โกรธเกรี้ยว กล่าวว่า “มีเหตุผลเช่นนี้เสียที่ไหน ข้าจะไปพบเทพสูงสุดอู๋ฝ่าเอง!”
เหล่าอริยะมิได้ห้ามปราม เฝ้ามองเขาจากไป
….
ณ เขตเซียนร้อยคีรี ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่รับรู้ถึงบางอย่างได้ เงยหน้ามองขึ้นไปทันที
สายตาของเขามองทะลุไปถึงชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เขาเห็นหลี่มู่อีที่ไม่ทราบว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไรกำลังต่อสู้กับเทพสูงสุดอู๋ฝ่า
พลังวิเศษของสองอริยะไร้ขอบเขต พลังเวทมหาศาลไร้สิ้นสุดสั่นสะเทือนปราณฟ้าบุพกาลแห่งชั้นฟ้าที่สามสิบสามจนปั่นป่วน สิ่งมีชีวิตหน้าวังไร้วิถีไม่หลั่งไหลมาเพิ่มอีก
จากสถานการณ์ศึกที่เห็น หลี่มู่อีถูกเทพสูงสุดอู๋ฝ่าโจมตีสะกดไว้
น่าสนใจอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยคิดๆ ดูแล้ว จากนั้นจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสาปแช่งเทพสูงสุดอู๋ฝ่า อย่างน้อยก็ต้องทำให้เทพสูงสุดอู๋ฝ่าไม่มีสมาธิต่อสู้
ศึกระหว่างอริยะ ตัดสินแพ้ชนะได้ยากยิ่ง เว้นแต่จะเป็นผู้ครอบครองพลังมหามรรคเหมือนหานเจวี๋ย
ห้าวันต่อมา
หานเจวี๋ยเริ่มใช้อายุขัยสาปแช่ง
เขาทุ่มเทพลังทั้งหมด อายุขัยลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น สีหน้าเทพสูงสุดอู๋ฝ่าก็พลันแปรเปลี่ยน เขาสะบัดแขนเสื้อโปรยผลึกน้ำแข็งสีฟ้าออกมานับไม่ถ้วน พุ่งกระจายออกไปตามแต่ละทิศทางกรีดเฉือนห้วงอากาศ บีบให้หลี่มู่อีไม่อาจเข้าใกล้ได้
“พลังคำสาปแช่ง เจ้าใช้พลังวิเศษใดกัน”
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าเอ่ยถามเสียงเครียด ตอนแรกพลังคำสาปแช่งนี้ไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิด แต่เมื่อครู่นี้จู่ๆ พลังคำสาปแช่งกลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างกะหันทัน
เขาคาดเดาว่าเป็นหลี่มู่อีสำแดงพลังวิเศษบางอย่าง
หลี่มู่อีเมินเฉยต่อคำถามของเขา ต่อสู้ต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...