บทที่ 580 หานเจวี๋ยถูกปฏิเสธ
เมื่อได้ฟังคำพูดของปรมาจารย์ลัญจกรสรวง อวี้ผูถีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สหายเต๋าลัญจกรสรวง คำพูดนี้ของเจ้าไม่น่าฟังเลย ข้าไม่เกี่ยวข้องกับสำนักพุทธมานานแล้ว ข้าทุ่มเทรับผิดชอบแดนต้องห้ามอันธการอย่างเต็มที่ อย่าได้ปรักปรำข้าเลย”
อริยะเจ็ดวิถีก็ยิ้มพลางกล่าว “ใช่แล้ว ข้าอยู่ในแดนเทพหวนปัจฉิมก็มิได้ผ่อนคลายเช่นกัน ไม่เหมือนสหายเต๋าลัญจกรสรวงที่รั้งตำแหน่งสูงส่งในมรรคาสวรรค์ ไม่ต้องจัดการอันใด”
ตี้จวินเงียบงันมิกล่าววาจา แต่รอยยิ้มเขากลับแฝงนัยลุ่มลึก
บรรยากาศระหว่างสี่ผู้ทรงพลังแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกลับไม่ขุ่นเคืองเลย เอ่ยเพียงว่า “หากพวกเจ้าอยากเข้ามารับหน้าที่ปกป้องดูแลมรรคาสวรรค์แทนข้า ข้าก็ไม่ขัดข้อง”
อวี้ผูถีและอริยะเจ็ดวิถีต่างไม่ปริปากอีก
ตี้จวินเอ่ยยิ้มๆ “มาๆ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้รวมตัวกัน อย่าคุยเรื่องน่าหงุดหงิดพวกนี้เลย ดีร้ายอย่างไรพวกเจ้าก็เป็นตัวตนที่มีอายุขัยเหนือกว่ามรรคาสวรรค์เหมือนกัน ผลแพ้ชนะคราก่อนยังมิได้บทสรุป พวกเรายังต้องฟาดฟันกันต่อไป”
อริยะเจ็ดวิถีแค่นเสียง “ก็มาสิ พวกเจ้าอย่าได้รวมหัวพุ่งเป้ามาที่ข้าแล้วกัน มิเช่นนั้นคอยดูเถอะว่าข้าจะล้างบางพวกเจ้าให้หมด”
“น่าขัน จะฆ่าเจ้ายังต้องรวมหัวกันด้วยหรือ”
สี่ผู้ทรงพลังนั่งล้อมวงกัน จู่ๆ บรรยากาศก็แปลกไปเล็กน้อย
….
เวลาผ่านไปไวนัก
หานเจวี๋ยยังเป็นเช่นเดียวกับที่ผ่านมา หมกมุ่นอยู่กับการปิดด่านฝึกบำเพ็ญ เสพสุขกับความรู้สึกชื่นมื่นที่ตบะเพิ่มพูนขึ้นทีละขั้นๆ
ขณะที่ฝึกบำเพ็ญอยู่นั้นจู่ๆ เขาก็สัมผัสถึงบางสิ่งได้ ลืมตาขึ้นมาทันที
ณ ชั้นฟ้าที่เก้า ฟางเหลียงยืนอยู่หน้าประตูสวรรค์ทักษิณ ดูดซับดวงชะตาฟ้าดิน ทั้งร่างเขาแผ่แสงสีขาวออกมา ร่างกายดูเลื่อนลอย ราวกับภาพฉายสามมิติ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
เด็กคนนี้…
มิใช่แค่การดูดซับดวงชะตาฟ้าดิน หากว่ากันให้ชัด เขาเป็นเช่นเดียวกับต้นฝูซัง กำลังดูดซับต้นกำเนิดฟ้าดินแห่งแดนเซียนอยู่!
การกระทำเช่นนี้ย่อมก่อให้อริยะตื่นตระหนก เด็กคนนี้ดีร้ายอย่างไรก็เคยเป็นจักรพรรดิสวรรค์ น่าจะทราบเรื่องพวกนี้ดี กล่าวให้ชัดคือฟางเหลียงมีความมั่นใจอย่างเต็มที่
ฟางเหลียงบรรลุตบะระดับต้าหลัวมานานแล้ว เพียงแต่ในช่วงหลายปีที่ผ่าน ตบะไม่มีความก้าวหน้าใดๆ เลย คล้ายจะเผชิญกับภาวะคอขวด
หานเจวี๋ยก็มิได้ขัดขวาง เขาอยากดูว่าฟางเหลียงคิดจะทำอะไร
เขาเรียกหน้าต่างค่าสถานะของตนออกมาตรวจดู พบว่าเวลาผ่านไปหนึ่งพันหกร้อยยี่สิบปีแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ
หานเจวี๋ยสอดส่องหานทั่ว ระยะนี้เด็กคนนี้กลับมารวมตัวกับอี๋เทียนอีกครั้ง ซ้ำยังพ่วงหานมิ่งเข้ามาด้วย ทั้งสามกำลังผจญภัยอยู่ในแดนลึกลับบรรพกาลแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกโพ้นทะเล หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าภายในแดนลึกลับบรรพกาลมีสมบัติวิญญาณมรรคาสวรรค์ชิ้นหนึ่งซ่อนอยู่ ซ้ำยังเป็นสิ่งที่หลี่มู่อีทิ้งไว้ด้วย
ตอนนี้หานทั่วบรรลุถึงระดับเทพ นับว่ายืนหยัดตั้งตัวในแดนเซียนได้แล้ว
หานเจวี๋ยสอดส่องหานอวี้ต่อ
ไม่ทราบว่าหานอวี้โบยบินขึ้นสู่แดนเซียนตั้งแต่เมื่อใด ตอนนี้เข้าร่วมสำนักบำเพ็ญแห่งหนึ่ง ตำแหน่งต่ำต้อยยิ่ง รับหน้าที่เฝ้าดูแลสวนสมุนไพร
หานเจวี๋ยอดนึกถึงวัยเยาว์ของตนไม่ได้ มีหน้าที่ดูแลสวนสมุนไพรเช่นกัน
ต้องกล่าวเลยว่า เด็กคนนี้มีชะตากรรมคล้ายคลึงกับเขายิ่ง
รูปโฉมคล้ายคลึง ชะตากรรมก็ค่อนข้างคล้ายคลึงเช่นกัน
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากหานเจวี๋ย หานอวี้กลายเป็นคนตื่นตัวอย่างยิ่ง หมกมุ่นอยู่กับการมานะบำเพ็ญจุดนี้ทำให้หานเจวี๋ยพอใจมาก
เส้นทางที่หานทั่วก้าวเดินแตกต่างไปจากหานเจวี๋ยอย่างสิ้นเชิง ทว่าหานอวี้กลับเจริญรอยตามหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นตัดสินใจใช้พลังเวทปลอมตัวไปเยี่ยมเยือนหานอวี้สักหน่อย
….
ณ เทือกเขาสูงตระหง่าน กลางเนินเขาของขุนเขาใหญ่แห่งหนึ่ง หานอวี้นั่งสมาธิอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง ด้านหน้าคือสระน้ำ ปลูกต้นไม้ใบหญ้าประหลาดหายากไว้หลายชนิด
หานอวี้สวมชุดสีขาว หน้าตาหล่อเหลาอย่างยิ่ง
ศิษย์หญิงกลุ่มหนึ่งเหยียบกระบี่เหาะเหินผ่านมาทางนี้ ต่างก็พากันหยุดชะงัก
“ศิษย์น้องหาน อยากติดตามพวกเราไปหาประสบการณ์หรือไม่” ศิษย์หญิงชุดเขียวที่เพริศพริ้งดั่งบุปผานางหนึ่งแย้มยิ้มเอ่ยถาม
ศิษย์คนอื่นๆ ก็มองหานอวี้ด้วยแววตาชื่นชมเช่นกัน
หานอวี้หน้าตาหล่อเหลาเหลือเกิน ในสำนักไม่มีศิษย์ชายคนใดหน้าตาดีไปกว่าเขาแล้ว
หานอวี้ลืมตาขึ้น ส่ายหน้าพลางตอบว่า “ขอบคุณความหวังดีจากศิษย์พี่หญิงทุกท่าน ข้าต้องเฝ้าสวนสมุนไพร เอาไว้คราวหน้าเถิด”
ศิษย์หญิงชุดเขียวแย้มปากเอื้อนเอ่ย “เอาแต่พูดว่าครั้งหน้าอยู่ร่ำไป เจ้ามันคนทึ่ม”
ว่าจบนางก็หันหลังจากไป
ศิษย์หญิงที่เหลือรีบตามหลังไปทันที มีสตรีนางหนึ่งในกลุ่มเอ่ยด้วยความระอา “เจ้านะเจ้า เป็นคนโง่จริงๆ หรือไร หากคล้อยตามศิษย์พี่หญิงของเรา ตัวเจ้าไหนเลยจะต้องเป็นบ่าวเฝ้าสวนสมุนไพรอยู่ที่นี่อีก”
หานอวี้ยิ้มเฝื่อน ไม่ได้โต้ตอบกลับไป
หลังจากกลุ่มศิษย์หญิงจากไป เขาถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา
“เจ้ามิชมชอบสตรีหรือ” น้ำเสียงหยอกเย้าแว่วเข้ามา
มองเห็นบุรุษชุดขาวคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่ตอนไหนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำ ร่มไม้บดบังใบหน้าเขา ทำให้หานอวี้มองเห็นไม่ชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...