บทที่ 598 เพาะเลี้ยงกองกำลังเทพมาร – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 598 เพาะเลี้ยงกองกำลังเทพมาร จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 598 เพาะเลี้ยงกองกำลังเทพมาร
“ไวขนาดนี้เชียวหรือ”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรตะลึง เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
หานเจวี๋ยเพิ่งจากไปไม่ถึงสามลมหายใจเลย เร็วขนาดนี้เลยหรือ
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างสงบ “สำหรับอริยะ ชั่วลมหายใจก็เพียงพอแล้ว”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรแม้ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็รู้สึกว่าช่างเลิศล้ำนัก
หานเจวี๋ยกระโจนเข้าสู่คลื่นวนสีดำจากวิชาอัญเชิญเทพ ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งว่า “มิติวัฏจักรหรือแผนการแห่งอริยะ จงใคร่ครวญทุกเรื่องให้มากหน่อย อย่าได้ทำผิดพลาดจนก่อเป็นความเกลียดชัง”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเฝ้ามองคลื่นวนสีดำหดตัวลง ในใจพลันรู้สึกตื้นตันขึ้นมา
ด้วยฐานะของหานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องพูดจาโน้มน้าวเขาเช่นนี้เลย แค่เพียงใช้ฐานะของอริยะก็สามารถสั่งการให้เขาทุ่มเทอย่างสุดกำลังได้แล้ว
ที่หานเจวี๋ยเอ่ยเช่นนี้ คงนึกถึงบุญคุณความหลังครั้งเยาว์วัยเป็นแน่
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรสูดหายใจลึกๆ ปรับอารมณ์ สายตาสอดส่องทะลุตำหนักใหญ่ ทอดมองไปทั่วแดนเซียนพิภพ
เขาต้องฮุบกลืนทุกสิ่งนี้มาให้ได้!
….
หลังจากถึงเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยอดใจรอคอยการติดตั้งอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
เวลาผ่านไปเก้าสิบเก้าปีเต็ม
[อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองติดตั้งสำเร็จแล้ว ท่านสามารถเคลื่อนย้ายข้ามไปมาได้ตลอดเวลา]
เมื่อหานเจวี๋ยมองเห็นข้อความแถวนี้ ก็กดเลือกเคลื่อนย้ายทันที
ต่อจากนั้น เขาปรากฏตัวขึ้นในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองในส่วนลึกของดวงอาทิตย์แห่งแดนเซียนพิภพ
เมื่อมองออกไป รอบข้างมืดสลัว พื้นผิวใต้เท้าเป็นปุ่มไม่เรียบเสมอกัน ไม่มีขุนเขา และไม่มีสายธาร
หานเจวี๋ยโบกมือคราหนึ่ง ใช้มหามรรคต้นกำเนิดสร้างดินแดนเล็กๆ แห่งหนึ่งขึ้น
แสงตะวันปรากฏขึ้น ดอกไม้ใบหญ้างอกขึ้นมาจากพื้นดิน ทิวเขาแต่ละลูกผุดสูงขึ้นมา ไอเมฆรวมตัว ความมืดมิดถูกขับไล่ออกไป แทนที่ด้วยโลกอันงดงามดั่งภาพวาด
ดินแดนนี้กว้างใหญ่ยิ่ง เทียบเท่าดาวโลกสิบแห่งเลยทีเดียว ถึงแม้ทิวทัศน์จะงดงามทว่ากลับไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย ดูเงียบเหงาอย่างน่าประหลาด
หานเจวี๋ยสัมผัสถึงไอวิญญาณของที่นี่ได้ ซ้ำยังอยู่ในระหว่างการยกระดับด้วย ไม่ทราบเช่นกันว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะยกระดับจนหนาแน่นเท่ากับไอวิญญาณของอาณาเขตเต๋าหลัก
หานเจวี๋ยเริ่มใช้ความคิดว่าสมควรจะให้ใครเข้ามาอยู่
ไม่ได้!
ปล่อยคนเข้ามาไม่ได้
ไม่ควรรวมไข่ไก่ไว้ในตะกร้าใบเดียว หานเจวี๋ยต้องการบ่มเพาะกองกำลังที่เหล่าศิษย์สืบทอดต่างไม่ทราบถึง
ในเมื่อแม้แต่ศิษย์สืบทอดยังไม่ทราบ ศัตรูก็ยิ่งไม่มีทางทราบ
หรือจะรอให้เทพมารฟ้าบุพกาลถือกำเนิดขึ้นแล้วค่อยปล่อยเข้ามาดี
แต่ถ้าจะทำแบบนั้น ต้องรออีกนานแค่ไหนกัน
หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายกลับมายังเขตเซียนร้อยคีรี
เขาตัดสินใจย้ายของล้ำค่าฟ้าดินบางส่วนไปไว้ที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง ยกตัวอย่างเช่นต้นโพธิ์สรรพสิ่งและบัววายุกระจ่างไร้ร่องรอย
ไอวิญญาณของอาณาเขตเต๋าหลักไม่จำเป็นต้องพึ่งพาของล้ำค่าฟ้าดินแล้ว มิสู้ย้ายของล้ำค่าเหล่านี้ไปไว้ที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองจะดีกว่า ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตได้
ในไม่ช้า หานเจวี๋ยก็ย้ายของล้ำค่าสำเร็จ
การเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างสองอาณาเขตเต๋าสะดวกสบายยิ่งนัก แค่คิดก็สามารถทำได้แล้ว
คิดไปคิดมา หานเจวี๋ยก็เรียกจิ้งจอกชาดเข้ามา
จิ้งจอกชาดคือปีศาจน้อยตัวหนึ่งที่หานเจวี๋ยบังเอิญพบระหว่างที่ออกไปหาประสบการณ์ก่อนพิสูจน์มรรค มาฝึกบำเพ็ญอยู่ที่เขตเซียนร้อยคีรีหลายหมื่นปีแล้ว บรรลุตบะระดับจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏแล้ว แต่ไม่อาจข้ามไปสู่ระดับเทพได้
ตามปกติจิ้งจอกชาดอาศัยอยู่นอกอารามเต๋ามาโดยตลอด ไม่มีมิตรสหายคนใดในเขตเซียนร้อยคีรีเลย จิตผ่องแผ่วไร้ความปรารถนา
เมื่อเข้ามาในอาณาเขตเต๋า จิ้งจอกชาดหมอบลงเบื้องหน้าหานเจวี๋ยอย่างระมัดระวัง
เวลาผ่านมานานขนาดนี้ มันก็ยังคงไม่แปลงกาย เพียงเพราะมันชอบร่างเดิมของตน
“มาอยู่สำนักซ่อนเร้นนานขนาดนี้ เหตุใดถึงไม่คบค้ากับศิษย์คนอื่นๆ เลยเล่า” หานเจวี๋ยถาม
จิ้งจอกชาดสะดุ้งรีบกล่าวว่า “ข้าเพียงอยากรีบใช้เวลาฝึกบำเพ็ญ ในสำนักซ่อนเร้นข้าสนใจแค่ท่านเท่านั้น หากท่านต้องการให้ข้าคบค้าสมาคมกับศิษย์คนอื่นๆ ข้าก็ทำได้ขอรับ!”
มันนึกว่าหานเจวี๋ยคิดจะไต่ถามลงโทษ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าไม่อยากทำ ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจ ความเดียวดายก็เป็นเส้นทางของผู้แข็งแกร่งเช่นกัน”
จิ้งจอกชาดโล่งอก
หานเจวี๋ยถามต่อ “เจ้าคิดว่าคุณสมบัติของตัวเจ้าเป็นอย่างไร”
วันหน้าจิ้งจอกชาดจะกลายเป็นผู้นำของอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
เทพมารโอฬารกลายเป็นผู้นำของเหล่าศิษย์เทพมาร นับว่าไม่ขายหน้า
นอกจากจิ้งจอกชาดแล้ว หานเจวี๋ยยังต้องเฟ้นหาศิษย์คนอื่นๆ ด้วย
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เลือกจากในเขตเซียนร้อยคีรี แต่จะคัดสรรจากโลกภายนอกแทน ชุบเลี้ยงศิษย์ใหม่ๆ
หานทั่วและหานอวี้นั่นแล้วไปเถิด ล้วนแต่มีบ่วงกรรมในแดนเซียนไปแล้ว
หานเจวี๋ยไม่คิดมากอีก ช่วยจิ้งจอกชาดให้ผสานรวมสำเร็จก่อน ถึงแม้จะทำสำเร็จมาสองครั้งแล้ว แต่ก็ต้องระวังไว้ จะได้ไม่เกิดความผิดพลาด
….
ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งพันปี
พลังของเทพมารโอฬารไม่ต่อต้านจิ้งจอกชาดอีกต่อไป จากนั้นก็เป็นการผสานรวมแล้ว
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็สามารถไปจัดการเรื่องอื่นอย่างสบายใจได้
เขาไปที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
แผ่จิตศักดิ์สิทธิ์ออกไปทั่วแดนเซียนพิภพ
เขาต้องการเฟ้นหาผู้สืบทอดเทพมารที่เหมาะสม
เขาคิดไปคิดมา ตัดสินใจเลือกจากดาวโลก นับว่าเป็นการตอบแทนโลกในชาติก่อนของตน
หากเด็กคนนี้เติบใหญ่ก้าวหน้า ดาวโลกก็จะมีผู้คุ้มครองแล้ว หานเจวี๋ยถือกำเนิดจากดาวโลก นับว่าเป็นการทดแทนคุณเช่นกัน
หลายวันต่อมา
หานเจวี๋ยต้องตาคนผู้หนึ่ง
เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น เป็นเด็กกำพร้าจากประเทศหนึ่งในดาวโลก ผิวขาวเหลือง ถ้าสืบสาวราวเรื่องตามสายเลือดต้นกำเนิด ก็นับว่าเป็นคนจีน
ผ่านไปหลายพันล้านปีแล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์ผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากชาวจีนเป็นเผ่ามนุษย์ก่อนกำเนิดฟ้าที่เจิ้นหยวนจือพามา ไม่ว่าดาวโลกจะเผชิญกับภัยพิบัติเช่นใดก็ไม่มีทางล่มสลายสิ้นเผ่าพันธุ์
หานเจวี๋ยทำนายดูแล้ว ชาวจีนมิได้ถือกำเนิดบนดาวโลก เจิ้นหยวนจือตั้งใจส่งตัวข้ามแดนมาเป็นพิเศษ ตอนที่เลือกดาวโลก ดาวโลกยังคงถูกครอบครองโดยไดโนเสาร์ เจิ้นหยวนจือจำเป็นต้องทำลายล้างไดโนเสาร์ ก่อนจะชักนำดวงชะตาของเผ่ามนุษย์ก่อนกำเนิดฟ้ามา ส่งเสริมการวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์พื้นเมืองบนดาวโลก ซึ่งก็คือเผ่าคนขาวและเผ่าคนดำ
การวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ล้วนดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ใช้เวลาหลายสิบล้านปี ถึงขั้นที่เป็นเวลาหลายล้านปีด้วยซ้ำ
ด้วยการช่วยเหลือจากวิชาเวทของเผ่ามนุษย์ก่อนกำเนิดฟ้า เผ่าพันธุ์พื้นเมืองของดาวโลกถึงได้วิวัฒนาการเร็วขึ้น จากลิงเปลี่ยนแปลงมาเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...