บทที่ 645 เจตนาของปรมาจารย์
เมื่อปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวจบ เหล่าอริยชนทั้งตำหนักเอกอนันต์พลันตกอยู่ในความเงียบสงัด รอคำอธิบายจากหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเงียบงัน
เขาตื่นตระหนกอยู่ในใจ
แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ ไม่ถูกสิ เทพมารขุนพลสวรรค์ถูกเขาสร้างขึ้น หากว่ายังมีเทพมารขุนพลตนอื่นอยู่ เทพมารขุนพลสวรรค์ทั้งสองน่าจะรับรู้ถึงกันและกันได้ ถึงอย่างไรก็เป็นมหามรรคบทเดียวกัน
ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จะหลอกข้าหรือ
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงหลอกข้าอยู่ใช่หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ใช่]
หานเจวี๋ยลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกไม่พอใจปรมาจารย์ลัญจกรสรวงยิ่งนัก
เจ้ามาหลอกข้าทำไม
คิดจะลองเชิงข้าหรือ
ข้าว่าเจ้าติดหนี้คำสาปข้าอยู่นะ!
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยไม่ตอบ ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็จี้ถามต่อ “ว่าอย่างไร ไยเจ้าจึงน้ำท่วมปากเสียเล่า”
หานเจวี๋ยแสร้งขุ่นเคือง เอ่ยไปว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าปรมาจารย์มีเจตนาใด ข้าก็คือเทพมารขุนพลสวรรค์ เทพมารขุนพลสวรรค์ก็คือข้า ไม่มีทางมีเทพมารฟ้าบุพกาลสองตนที่เหมือนกันได้ ปรมาจารย์คิดจะยัดเยียดข้อหาใดให้ข้าก็ว่าตามตรงเถิด ข้าไม่ทราบเลยว่าข้าไปล่วงเกินปรมาจารย์เข้าตรงที่ใด ข้าซื่อสัตย์มั่นคงต่อมรรคาสวรรค์ มรรคาสวรรค์เผชิญปัญหาเมื่อใด ข้าล้วนสอดมือเข้าช่วยทุกครั้ง ยามปกติข้าก็ฝึกบำเพ็ญโดยไม่พึ่งพามรรคาสวรรค์ ข้าไร้ความละอายต่อมรรคาสวรรค์ แต่หากมรรคาสวรรค์ไม่ต้อนรับข้า ข้าจากไปก็ได้!”
เขาลุกขึ้นทันที
อริยะที่เหลือพากันโน้มน้าวห้ามปราม
“สหายเต๋าหาน เจ้าทำอันใดอยู่”
“ปรมาจารย์หาได้มีเจตนาเช่นนั้น เขาเพียงสงสัยเท่านั้น”
“ปรมาจารย์ หานเจวี๋ยลงแรงเพื่อมรรคาสวรรค์อย่างใหญ่หลวงจริงๆ ในระหว่างที่ท่านไม่อยู่ หากมิมีหานเจวี๋ย พวกเราคงต้านไม่อยู่แต่แรกแล้ว”
“ใช่แล้วขอรับ ต่อให้หานเจวี๋ยมิใช่เทพมารขุนพลสวรรค์แล้วอย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ฝ่ายมรรคาสวรรค์”
“เจ้าสำนัก หากท่านไป ข้าก็จะไปด้วย!”
วาจาของเหล่าอริยชนไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมล้วนเข้าข้างหานเจวี๋ยทั้งสิ้น
เหตุผลมิใช่อื่นใด อีกเดี๋ยวปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็จะไปแล้ว เหลือเพียงหานเจวี๋ยเท่านั้นที่พวกเขาพึ่งพาได้
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ข้าเพียงสอบถามเท่านั้น ความจริงแล้วข้ามิได้รู้จักเทพมารขุนพลสวรรค์เลย ไยสหายน้อยหานเจวี๋ยต้องโกรธเกรี้ยวด้วยเล่า”
หานเจวี๋ยนั่งลงด้วยความขุ่นเคือง ถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด ข้าปิดด่านบำเพ็ญเสมอมา แต่ก็มักจะมีคนมาหาเรื่องข้าอยู่เสมอ ตั้งคำถามเกี่ยวกับฐานะตัวตนของข้าว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวแปรที่บรรพชนเต๋ากล่าวไว้ คำทำนายนี้ของบรรพชนเต๋าสร้างภาระให้ข้าเสียแล้ว ในอดีตที่ผ่านมามิได้มีเพียงอริยะมรรคาสวรรค์ที่มาชักจูงข้าเข้าพวก แม้แต่พวกตี้จวินแห่งแดนเทพหวนปัจฉิมรวมถึงเจ้าแม่หนี่ว์วาก็มาชักจูงข้าเข้าพวกเช่นกัน”
แววตาเหล่าอริยชนวูบไหว สำหรับคำทำนายเรื่องตัวแปรของบรรพชนเต๋า พวกเขาก็จำได้เช่นกัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าแดนเทพหวนปัจฉิมก็เคยมาชักจูงหานเจวี๋ยเช่นกัน
สีหน้าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเรียบเฉย ทว่ารู้สึกไม่พอใจตี้จวินอยู่ในใจ
ฮึ่ม!
ไม่คิดเลยว่าตี้จวินจะเป็นพวกหน้าไว้หลังหลอกเช่นนี้
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวว่า “ในเมื่อสหายน้อยหานเจวี๋ยคือเทพมารขุนพลสวรรค์ เช่นนั้นข้าก็ขอฝากฝังมรรคาสวรรค์ไว้กับเจ้าด้วย มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่เป็นอริยะเสรี หวังว่าเจ้าจะช่วยพิทักษ์มรรคาสวรรค์ หากว่าข้ารอดชีวิตกลับมาได้ จะมอบโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งให้เจ้า!”
หานเจวี๋ยรับปาก ทว่าในใจกลับมิได้นำพา
ว่างนักหรืออย่างไรถึงได้มาหลอกเขา
พูดให้ชัดก็คือไม่ไว้ใจเขา!
โอกาสวาสนาจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวงรับไว้ไม่ได้!
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าอดถามไม่ได้ “ผู้อาวุโส พลังมรรคของท่านสูงส่งถึงเพียงนี้ ต้องการสละตนเพื่อแดนบรรพกาลจริงๆ หรือ”
ในมุมมองของเขา ต่อให้จิตสังหารของผานกู่หลุดออกมา ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็สามารถหลบซ่อนตัวได้
ครั้งผานกู่พิสูจน์มรรค ก็มีเทพมารฟ้าบุพกาลดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาได้
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเหลือบมองเทพสูงสุดอู๋ฝ่าแวบหนึ่ง ก่อนตอบว่า “การทำลายล้างจิตสังหารของผานกู่มิใช่เพื่อปกป้องมรรคาสวรรค์และฟ้าบุพกาลเท่านั้น แต่เพื่อพิสูจน์มรรคด้วย ผู้ใดสามารถเอาชนะผานกู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้สืบทอดดวงชะตามหาศาลไร้สิ้นสุดของผานกู่”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
เหล่าอริยชนกระจ่างขึ้นมาทันที เมื่อพูดเช่นนี้ พวกเขาก็เชื่อแล้ว
ด้วยมีฐานะเป็นอริยะ พวกเขาจึงเข้าใจอริยะดี จะมีอริยะสักกี่ตนกันที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อผดุงคุณธรรม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...