ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 670

บทที่ 670 ขวานเบิกฟ้าอหังการ

‘เด็กคนนี้นับว่าหัวไว’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ต่อให้อนาคตกวนปู้ไป้อาจจะหักหลังเขา เขาก็ไม่กลัว ก่อนจะส่งเทพมารฟ้าบุพกาลเหล่านี้ออกสู่โลก เขาย่อมต้องตรวจสอบความจงรักภักดีก่อน หากผู้ใดต่ำกว่า 6 ดาว ก็โยนเข้าคุกสวรรค์อนธการซะ!

หานเจวี๋ยไม่อยากถูกคนแทงข้างหลัง!

ไม่นานนัก หานเจวี๋ยก็เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง

ต้องพยายามทะลวงขั้นให้ได้ในเร็ววัน!

….

ภายในเรือนหลังหนึ่ง

หลงเฮ่าและหานอวี้นั่งอยู่คนละฝั่ง ดื่มสุราพลางพูดคุยกัน

ระยะที่ผ่านมา อารมณ์งุ่นง่านกระสับกระส่ายของหานอวี้หายไปแล้ว กลับมาอยู่ในสภาวะปกติดังเดิม ทำให้เขารู้สึกโล่งอก

ถึงแม้จะเชื่อมั่นในตัวท่านปฐมบรรพชน แต่หากสภาวะเช่นนี้คงอยู่นานไป จะส่งผลกระทบต่อตบะและมรรคจิตของเขา ถึงขั้นที่อาจธาตุไฟเข้าแทรกจนเกิดจิตมารขึ้นมาได้

“ว่าอย่างไร หากได้รับโอกาสวาสนาครานี้ เผ่ามนุษย์จะมีอัจฉริยะปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน ตระกูลหานของเจ้าสามารถอาศัยสิ่งนี้รุ่งโรจน์ขึ้นมาได้ ยกระดับสถานะในเผ่ามนุษย์ให้ยิ่งใหญ่ขึ้น” หลงเฮ่าโคลงจอกสุราพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หานอวี้เม้มปากก่อนถาม “หากดีปานนั้น ไยเผ่ามังกรของเจ้าไม่คว้าไว้เองเล่า”

หลงเฮ่าหัวเราะแหะๆ พลางกล่าว “เผ่ามังกรย่อมคว้าไว้แน่ ข้าเพียงเห็นแก่มิตรภาพระหว่างเรา อยากพาเจ้าไปด้วย กลุ่มอิทธิพลผู้บำเพ็ญของแดนเซียนพิภพไม่ได้แข็งแกร่งนัก ยามนี้มีเพียงสำนักซ่อนเร้นและนิกายเหรินที่เดินทางเข้าไปได้”

หานอวี้ขมวดคิ้วก่อนถามอีกครั้ง “นี่เป็นความประสงค์ของปฐมบรรพชนข้าหรือ”

เขาทราบแล้วว่าปฐมบรรพชนของตนอยู่ที่สำนักซ่อนเร้น ตำแหน่งสูงส่งยิ่ง

“ปฐมบรรพชนของเจ้าไม่มีเวลามาสนใจเจ้าหรอก ข้าเพียงอยากผลักดันเจ้าเท่านั้น พยายามทำให้เจ้ามีคุณสมบัติเข้าสู่สำนักซ่อนเร้นให้ได้ในเร็ววัน” หลงเฮ่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนแรกเขาเห็นหานอวี้หน้าตาเหมือนหานเจวี๋ยถึงเข้ามาผูกมิตรด้วย แต่พออยู่กันไปนานเข้า มิตรภาพระหว่างทั้งสองลึกล้ำแน่นแฟ้นยิ่ง ช่วงนี้เขาทราบจากหมื่นโลกาฉายชัดว่าหานเจวี๋ยกำลังจะมีลูก คุณสมบัติของเด็กคนนี้แหกกฎสวรรค์อย่างยิ่ง เมื่อเด็กคนนี้ลืมตาดูโลก หานเจวี๋ยต้องลืมหานอวี้ไปแน่นอน

ในมุมมองของหลงเฮ่า ต่อให้หานอวี้ตระเวนไปทั่วอย่างไร ก็สู้ไปติดตตามหานเจวี๋ยไม่ได้

โอกาสวาสนายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้คือความโปรดปรานเอ็นดูจากหานเจวี๋ย!

หานอวี้ลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยว่า “ตกลง ข้าจะพาลูกหลานตระกูลหานของข้าไปด้วย หากทำสำเร็จ ค่อยนำเผ่ามนุษย์ไปเข้าร่วม”

หลงเฮ่ายิ้มเบิกบาน “วางใจเถอะ ในแดนเซียนพิภพไม่มีผู้บำเพ็ญแข็งแกร่งมากนัก พวกเราไปครานี้เพื่อทำภารกิจของเทพเซียน เผยแผ่ธรรมสร้างศรัทธา ดูดซับดวงชะตา”

หานอวี้พยักหน้ารับ

….

นอกมรรคาสวรรค์

ภายในเมืองของเผ่าหายนะ จอมเทพข่งเซวี่ยกำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญ

จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววเยียบเย็นข่มขวัญ

เขาเพ่งมองออกไป ในส่วนลึกของความมืดมิดมีกลิ่นอายแกร่งกล้าเลิศล้ำสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่อาจสกัดขวางได้

ไม่นานนัก เขามองเห็นเงาร่างมหึมาร่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าสูงแค่ไหน แต่ใหญ่โตกว่าแดนเซียนทั้งผืน

เงาร่างนี้เปลือยท่อนบน กล้ามเนื้อแต่ละมัดดูราวกับเทือกเขากว้างใหญ่ เขาถือขวานเล่มยักษ์ไว้ รอบใบขวานมีไอร้อนระอุที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คล้ายกับปราณฟ้าบุพกาลในยุคบุกเบิกฟ้าดิน ยิ่งใหญ่และเก่าแก่

จอมเทพข่งเซวี่ยขมวดคิ้ว สายตาของเขาจับจ้องใบหน้ามนุษย์ร่างยักษ์ตนนี้ คนผู้นี้ผมเผ้ากระเซิง ผมขาวปลิวยุ่งเหยิง เสมือนมารปีศาจ สีหน้าถมึงทึง มุมปากที่แสยะออกแฝงจิตสังหารและความโหดเหี้ยมไว้

“อริยะเสรี มาที่มรรคาสวรรค์ของข้าด้วยจุดประสงค์ใด”

น้ำเสียงเยือกเย็นสายหนึ่งแว่วเข้าหูของจอมเทพข่งเซวี่ย

จอมเทพข่งเซวี่ยเคลื่อนกายไปปรากฏตัวท่ามกลางความมืดมิดทันที หันมองไปทางยักษา

ยักษาตนนี้ก็คือผานซินสหายรักของหานเจวี๋ย!

เมื่อเทียบกับในอดีต ผานซินดูอ่อนเยาว์ลงมาก ร่างกายเสมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน บุคลิกท่าทางคล้ายเทพยักษาผานกู่ในตำนานยิ่ง

“เจ้าคือผู้ใด” จอมเทพข่งเซวี่ยถามเสียงขรึม

เขานึกถึงศิษย์ของเจ้าแดนต้องห้ามเป็นอันดับแรก

วาจาของคนผู้นี้เผยให้ทราบว่าตนเป็นสิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์ ซ้ำยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มีความเป็นได้สูงที่จะถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการส่งตัวมา

ผานซินเอ่ยอย่างดูแคลน “จดจำนามของข้าไว้ ผานซิน ไม่สิ เจ้าไม่มีโอกาสได้จำแล้ว!”

พอเอ่ยจบ เขาเงื้อขวานเบิกฟ้าในมือขึ้นทันที ฟันใส่ด้วยความโกรธเกรี้ยว

ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตยิ่งกว่าแดนเซียนของเขาเพียงเงื้อแขนขึ้นมาก็เกิดสายลมกระโชกน่าหวาดผวาราวกับสามารถถล่มทุกสิ่งได้ ปราณฟ้าบุพกาลในแดนต้องห้ามอันธการซัดโหมรุนแรง

ขวานเบิกฟ้าฟันออกไป พุ่งไปไม่อาจหยุดยั้ง ทำลายให้ย่อยยับ!

จอมเทพข่งเซวี่ยยกมือขวาขึ้นมา แสงเทพห้าสีเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านหลัง เข้าปะทะกับขวานเบิกฟ้า

แสงเทพห้าสีพังทลายลงทันที ลมกระโชกน่าพรั่นพรึงสายนั้นกระแทกใส่ร่างจอมเทพข่งเซวี่ย ทันใดนั้น สังขารของเทพข่งเซวี่ยวอดวายลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ