ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 676

สรุปบท บทที่ 676 ปกครองมรรคาสวรรค์ ศิษย์รุ่นที่สี่: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

อ่านสรุป บทที่ 676 ปกครองมรรคาสวรรค์ ศิษย์รุ่นที่สี่ จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet

บทที่ บทที่ 676 ปกครองมรรคาสวรรค์ ศิษย์รุ่นที่สี่ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 676 ปกครองมรรคาสวรรค์ ศิษย์รุ่นที่สี่

ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในตำหนักผานกู่

ผานซินนั่งอยู่บนบัวขจีสามสิบหกฟ้าบุพกาล มองบุรุษคนหนึ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาด้วยแววตาเหยียดหยาม

บุรุษผู้นี้สวมชุดสีดำ ผมเผ้ากระเซิง ใบหน้าเหี่ยวย่น ยามนี้สีหน้าซีดเซียว แววตาว่างเปล่า

“จิ้นเสินหนอจิ้นเสิน แต่ก่อนเจ้าเย่อหยิ่งมากมิใช่หรือ ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าข้าเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งอยู่หรือไม่”

ผานซินเอ่ยถามอย่างเสียดสี จิ้นเสินไม่โต้ตอบ คุกเข่าอยู่อย่างนั้น

หลังจากผานซินสำเร็จเป็นอริยะ เพื่อรั้งตัวเขาไว้ เหล่าอริยชนจำเป็นต้องขอให้จิ้นเสินมายอมรับผิด ถึงแม้ผานซินจะไม่ได้เอ่ยถึง แต่หากกลบเรื่องนี้ไปตลอดจะกลายเป็นชนวนเหตุได้ง่ายๆ

จิ้นเสินถูกเหล่าอริยชนรบเร้ากดดัน จึงจำต้องมา

เขามิได้นึกโทษโกรธเคืองเหล่าอริยชน เพราะนี่คือความจริง!

เมื่อก่อนเขาก็เคยใช้อำนาจกดข่มผู้อื่น ตอนนี้ก็แค่ลมเปลี่ยนทิศแล้วเท่านั้น

แต่เขาไม่ได้นึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในอดีตเลย

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ผานซินโชคดี ได้สืบทอดมรดกของผานกู่

เห็นจิ้นเสินนิ่งเงียบไม่ปริปาก จู่ๆ ผานซินก็รู้สึกหน่ายขึ้นมา

ก่อนที่เขาจะกลับมาเคยคิดวิธีลงทัณฑ์จัดการจิ้นเสินไว้นับหมื่นวิธี แต่พอจิ้นเสินมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตน จู่ๆ ความเกลียดชังในใจเขาก็พลันสลายไป

เขาทราบว่าจิ้นเสินไม่ได้ยอมรับผิดด้วยใจจริง แต่เป็นเพราะถูกเหล่าอริยชนกดดัน

จู่ๆ เขาก็รู้แจ้งขึ้นมา

หากจิ้นเสินต้องการสังหารตนจริงๆ เหตุใดถึงทำเพียงสะกดข่มเขาเอาไว้หลายต่อหลายครั้งเท่านั้นเล่า

ถึงแม้ผานซินจะนึกถึงจุดนี้ได้ แต่ก็ไม่คิดจะสืบสาวราวเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอริยะตนใด ขอเพียงอยู่ในมรรคาสวรรค์ เขาก็ไม่มีทางสังหารอีกฝ่ายได้

ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้แจ้งแก่ใจดี ในอดีตเขานั้นโฉดเขลา นอกจากอริยะหน้าใหม่แล้ว อริยะที่เหลือล้วนเคยถูกเขาจาบจ้วงล่วงเกิน หากจะไล่คิดบัญชีกันจริงๆ ก็คงจะวุ่นวายเกินไป

แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยจิ้นเสินไปง่ายๆ เช่นกัน หากทำเช่นนั้นแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดเล่า

ผานซินค่อยๆ เปิดปากเอ่ย “จิ้นเสิน เจ้ารู้สึกพอใจกับตำแหน่งในปัจจุบันของตนหรือไม่ เจ้ายังมีความคิดอื่นอีกหรือไม่”

จิ้นเสินตอบ “แล้วแต่อริยท่านจะจัดการขอรับ”

ถ้าหากผานซินตัดบ่วงกรรมมรรคาสวรรค์ของเขาก่อน หลังจากสูญเสียการคุ้มครองจากมรรคาสวรรค์ก็ค่อยสังหารเขาทิ้ง เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลย

“ข้าต้องการสนับสนุนเจ้าขึ้นเป็นอริยะ เจ้ายินยอมหรือไม่”

ประโยคต่อมาทำให้จิ้นเสินเงยหน้าขึ้นมาทันที เขามีสีหน้าท่าทางราวกับตนหูฝาดไป

แต่เขาเป็นถึงครึ่งอริยะ จะหูฝาดไปได้อย่างไร!

จิ้นเสินตระหนกอยู่ในใจ ผ่านไปสักพักกว่าสติจะกลับคืนมา เขาถามเพียงสามคำ “เพราะเหตุใด”

ผานซินตอบอย่างสงบ “เจ้าถูกส่งตัวมาแล้ว นอกจากข้า เจ้ายังจะไปติดตามผู้ใดได้”

จิ้นเสินมีสีหน้าขมขื่น

ใช่แล้ว

อริยะที่หนุนหลังเขาต่างทอดทิ้งเขาแล้ว เขายังจะไปติดตามผู้ใดได้อีก

ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้แม้เขาจะติดตามอริยะทว่าก็ไม่อาจได้ตำแหน่งอริยะมาอยู่ดี ยามนี้ตำแหน่งอริยะมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร

“ยิ่งมรรคาสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไร ตำแหน่งอริยะก็จะมากขึ้นเท่านั้น ข้าอยากสนับสนุนเจ้า มิได้โป้ปด แต่สาเหตุก็เพียงเพราะข้าคุ้นเคยกับเจ้าดี ถึงแม้ในอดีตเจ้าจะเคยพุ่งเป้ามาที่ข้า แต่ก็สำหรับนิสัยและพฤติกรรมของเจ้านั้น ข้ายังคงรู้จักดียิ่ง”

ผานซินไม่ได้โกหก ที่ผ่านมาจิ้นเสินเก็บตัวยิ่งนัก ไม่เคยอวดอ้างศักดิ์ฐานะจองหองเหิมเกริม หากมิมีทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์ สรรพสิ่งอาจจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาด้วยซ้ำ

จิ้นเสินกัดฟันตอบ “อริยท่านไม่ถือสาเรื่องในอดีต นับว่าอริยท่านมีเมตตา ในเมื่ออริยท่านต้องการสนับสนุนข้า ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ อนาคตข้างหน้าแล้วแต่อริยท่านจะจัดสรรให้ขอรับ”

ผานซินยิ้มด้วยความพอใจ

ได้ตัวจิ้นเสินมาเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือควบคุมแวดวงอริยะ เขาต้องการปกครองมรรคาสวรรค์!

….

ชายในชุดสีพื้นแสดงสีหน้าตกใจ เขาย่อมเคยได้ยินนามนี้มาก่อน ในเผ่ามนุษย์ หานอวี้มีศักดิ์เสมอจักรพรรดิมวลมนุษย์ อีกทั้งเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของอริยะหลี่เต้าคง!

ชายในชุดสีพื้นเอ่ยเสียงขรึม “นี่น่ะหรือคือท่าทีของศิษย์แห่งอริยะ สอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของชนรุ่นหลังเช่นนั้นหรือ”

หานอวี้ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “หากทะเลาะกันต่อไป เจ้าสังหารหลานชายข้า ตระกูลหานต้องไล่ล่าเจ้าเป็นแน่ ถึงขั้นที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าหายนะ หลังจากเข้าร่วมมรรคาสวรรค์ เผ่าหายนะก็เก็บตัวเงียบมาโดยตลอด เจ้าอยากให้เรื่องนี้กลายเป็นชนวนสงครามหรือ”

ชายในชุดสีพื้นเงียบไป ข้อหานี้ใหญ่หลวงเกินไปจริงๆ

“ข้ายังไม่เคยรับศิษย์มาก่อน หากมิใช่เพื่อยุติความขัดแย้งก็คงไม่รับ” หานอวี้พูดต่อ

ชายในชุดสีพื้นหวั่นไหวแล้ว

เขามาที่มรรคาสวรรค์ ก็เพราะอยากพิสูจน์มรรค ต้องการค้นหาทางวิธีพิสูจน์มรรคที่แท้จริง

เขาดูแคลนวิธีพิสูจน์มรรคของมารดาตน เขาต้องการก้าวเดินในเส้นทางที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด

บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาส!

สำหรับเรื่องของอริยะหลี่เต้าคง เขาย่อมเคยได้ยินมาก่อน ในมหาเคราะห์ครั้งก่อนเขาแทบจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับที่ต่ำกว่าอริยะลงมา ต่อมาได้กราบเข้าสู่สำนักของอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศล พิสูจน์มรรคขึ้นเป็นอริยะ

หากกราบเข้าสังกัดหาอวี้ ก็จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดหลี่เต้าคง เมื่อได้ใกล้ชิดกับหลี่เต้าคง เขาก็มีโอกาสใกล้ชิดกับกับอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลอย่างเจ้าสำนักซ่อนเร้น

เขามีความมั่นใจในพรสวรรค์ของตนอย่างยิ่ง จำเป็นต้องหาที่พึ่งที่แข็งแกร่งทรงพลังสักคน ข้อสุดท้ายคือต้องแข็งแกร่งกว่ามารดาของเขา!

ยามที่ผู้พิทักษ์รองแห่งสำนักซ่อนเร้นเปิดรับสมัครศิษย์นอกเขตเซียนร้อยคีรี ชายชุดสีพื้นก็เคยไปสืบข่าวมาแล้ว แต่เป็นเพียงศิษย์ในนาม เขาจึงหมดความสนใจ

หากเริ่มไต่เต้าจากตำแหน่งศิษย์ในนาม เช่นนั้นลำดับอาวุโสจะห่างไกลจากเจ้าสำนักซ่อนเร้นมากเกินไป

แต่ถ้ากลายเป็นศิษย์ของหานอวี้ เช่นนั้นลำดับอาวุโสก็ห่างจากเจ้าสำนักซ่อนเร้นเพียงสามรุ่นเท่านั้น

เจ้าสำนักซ่อนเร้น หลี่เต้าคง หานอวี้ จากนั้นก็เป็นเขา เขาจะเป็นศิษย์รุ่นที่สี่!

ในเวลาเพียงพริบตาเดียว ชายในชุดสีพื้นครุ่นคิดไปมากมายนัก

เขาเงยหน้ามองหานอวี้ เอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์เทียนยง คารวะอาจารย์!”

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ