สรุปตอน บทที่ 714 ความหวาดกลัวของมหาจักรพรรดิเซียว – จากเรื่อง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet
ตอน บทที่ 714 ความหวาดกลัวของมหาจักรพรรดิเซียว ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 714 ความหวาดกลัวของมหาจักรพรรดิเซียว
เมื่อเซวียนฉิงจวินรายงานจบ หานเจวี๋ยถึงได้เอ่ยว่า “อันที่จริงพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมารายงานข้าเลย ข้ามองเห็นหมดแล้ว”
สตรีทั้งห้าตะลึงงัน อดไม่ได้ที่จะนึกเลื่อมใสในตบะของหานเจวี๋ย
สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ห่างจากเขตเซียนร้อยคีรีไกลถึงเพียงใด หานเจวี๋ยก็ยังมองเห็นทุกอย่างได้
“ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมา ข้าจะเทศนาธรรมให้พวกเจ้าแล้วกัน”
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเคร่งขรึม สตรีทั้งหน้าเผยสีหน้ายินดี พากันพยักหน้ารับ
มหามรรคต้นกำเนิดเข้าปกคลุมอารามเต๋า
ห้าสิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยสิ้นสุดการเทศนาธรรม ให้พวกนางออกไปพักผ่อนก่อน
ทว่าลี่เหยากลับรั้งอยู่ สตรีอีกสี่คนที่เหลือก็ทำเป็นมองไม่เห็นไปเสีย แยกย้ายกันไป
ลี่เหยาเงยหน้ามองหานเจวี๋ย เอ่ยว่า “ข้าอยากส่งมอบตำแหน่งเจ้าสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ให้หลิงเอ๋อร์ ข้าอยากกลับมาฝึกบำเพ็ญ ท่านช่วยให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ได้หรือไม่ ข้าไม่อยากหยุดอยู่แค่ในมรรคาสวรรค์”
หานเจวี๋ยถาม “ก่อนหน้านี้ปฐมบรรพชนของเจ้ามาเข้าฝันเจ้าด้วยเรื่องใด”
ลี่เหยาตะลึงงัน จากนั้นจึงตอบว่า “เขาถ่ายทอดวิชาให้ข้า หวังว่าในอนาคตเมื่อข้าแข็งแกร่งขึ้น ให้มุ่งสู่แดนเทพหวนปัจฉิม ช่วยเหลือเขา
“ท่านมองเห็นหรือว่าเขามาเข้าฝันข้า แปลว่าท่านแข็งแกร่งกว่าเขากระมัง”
ยามนั้นนางสอบถามลี่จื้อไจ้ด้วยความระมัดระวัง ลี่จื้อไจ้มั่นใจเต็มที่ บอกว่าไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงการเข้าฝันครั้งนี้อย่างแน่นอน
หานเจวี๋ยตอบว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ลี่จื้อไจ้เป็นเพียงอริยะเสรี ไหนเลยจะเทียบกับข้าได้”
เขาจงใจเอ่ยเช่นนี้ ตั้งใจจะข่มด้วยความเหนือชั้น
ถึงแม้ระดับความประทับใจที่ลี่เหยามีต่อเขายังคงเป็น 6 ดาว แต่หากตัดความรู้สึกที่มีต่อเขาออกไป คนเราต่างมีปณิธานของตัวเอง เขาไม่ต้องการให้ลี่เหยากลายเป็นศัตรูของตน
ลี่เหยาเอ่ยว่า “ท่านร้ายกาจจริงๆ นี่คือสาเหตุที่ข้าอยากกลับมา ข้าไม่อยากใกล้ชิดกับบรรพชนเกินไป ตัวข้าลี่เหยามีวันนี้ได้ มิใช่เพราะพึ่งพาสายเลือดบรรพชน แต่เป็นเพราะท่าน”
ในอดีตครานั้น ตระกูลต้องการให้นางแต่งออกไปเพื่อผลประโยชน์ นางต่อต้าน ต้องเผชิญกับการไล่ล่าสังหาร ในช่วงเวลาที่นางสิ้นหวัง เป็นหานเจวี๋ยที่ยื่นมือเข้ามาหา
หากไม่มีหานเจวี๋ย ต่อให้นางไม่ต่อต้าน ก็คาดว่านางคงตายในมหาเคราะห์ครั้งก่อนไปแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้านึกว่าเจ้าอยากติดตามบรรพชนของเจ้าเสียอีก”
ลี่เหยาส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่มีทาง มรรควิถีของเขาธรรมดาสามัญ เป็นไปได้สูงว่าจะมีเรื่องปิดบังข้า ไม่รู้ว่าในตระกูลลี่มีทายาทอีกมากน้อยเพียงใดที่เป็นเช่นเดียวกันกับข้า”
นางมองหานเจวี๋ยอีกครั้ง เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ข้ารู้สึกว่าข้าเผชิญกับสภาวะคอขวด ท่านมีหนทางช่วยข้าพิสูจน์มรรคหรือไม่ แต่ข้าไม่ต้องการกลายเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ ข้าอยากเดินบนเส้นทางเดียวกับท่าน”
ครึ่งอริยะ นับเป็นเพดานสูงสุดสำหรับบุตรแห่งสวรรค์เกือบทั้งหมด ไม่อาจก้าวหน้าต่อไปได้อีก
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างลุ่มลึกมีนัย “มีจริงๆ แต่ทุกข์ทรมานยิ่งนัก และข้าก็ต้องการหลักประกันว่าเจ้าจะจงรักภักดีต่อข้าอย่างสมบูรณ์ ไม่มีทางทรยศข้า”
ลี่เหยาได้ฟัง ดวงตาพลันทอประกาย เอ่ยว่า “ข้าไม่กลัวความทุกข์ทรมาน ส่วนเรื่องความภักดี ข้าเป็นคนของท่านแล้ว จะหักหลังท่านได้อย่างไร”
คำพูดนี้ก็ถูกแล้ว…
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “ภายหน้าหากลี่จื้อไจ้เข้าฝันเจ้าอีก ให้เจ้าแสร้งเห็นพ้องไปกับเขา หลอกถามจุดประสงค์ของเขา แต่ห้ามทำให้เกิดอันตรายต่อศิษย์คนใดของสำนักซ่อนเร้น เข้าใจหรือไม่”
ลี่เหยาพยักหน้ารับ
นางเดินเข้ามาหา เริ่มถอดเสื้อผ้าออก
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วก่อนเอ่ยว่า “นี่เจ้าจะทำอะไร ข้าไม่ได้ข่มขู่เพื่อให้เจ้าทำเช่นนี้”
ลี่เหยากล่าวว่า “ข้าเพียงอยากทดลองวิธีฝึกบำเพ็ญที่ข้าได้รับมาก่อนหน้านี้ หากฝึกบำเพ็ญร่วมกับผู้ทรงพลังอย่างท่าน ไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์มากเพียงใด”
พอหานเจวี๋ยได้ฟังก็คลายหัวคิ้วออก
เขาไม่ชอบข่มเหงบังคับผู้อื่น แต่หากอีกฝ่ายเริ่มก่อน เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร
ได้ผ่อนคลายบ้างก็เป็นเรื่องดี
เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่ควรรับรู้
….
ครึ่งปีผ่านไปในชั่วพริบตา
ลี่เหยาพัวพันกับหานเจวี๋ยอยู่สองเดือน เซวียนฉิงจวินก็มาหาเป็นรายต่อไป พัวพันกันอีกสี่เดือน
ในระหว่างนี้ เซวียนฉิงจวินก็ต้องการมีทายาทให้หานเจวี๋ยเช่นกัน ทว่าหานเจวี๋ยปฏิเสธไป
บุตรชายของสิงหงเสวียนยังไม่ถือกำเนิด ตอนนี้ยังไม่สะดวกจะมีเพิ่ม
มหาจักรพรรดิเซียวมีสีหน้าตกใจ
หรือว่าผานซินเองก็ย้ายข้างแล้ว
สถานการณ์เช่นนี้คุ้นเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้พวกฉิวซีไหล เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย เทพสูงสุดอู๋ฝ่าก็เคยพูดแบบนี้เช่นกัน หลังจากนั้นทุกครั้งที่หานเจวี๋ยเข้าแทรกแซงการตัดสินใจในมรรคาสวรรค์ พวกเขาล้วนจะเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
สีหน้าของมหาจักรพรรดิเซียวซีดขาวยิ่งกว่าเดิม
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าในแวดวงอริยะมีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยไหนเลยจะใช่เพียงเทพพิทักษ์เท่านั้น แนวโน้มการขยายอำนาจของสำนักซ่อนเร้นมีความทะเยอทะยานอย่างสมบูรณ์!
จิ้นเสินเห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าและท่าทางของมหาจักรพรรดิเซียว พอจะคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ แต่เขาก็มิได้เอ่ยปลอบใจ
สำหรับจิ้นเสินแล้ว ที่เขาพึ่งพาผานซินก็เพราะไม่มีทางเลือก ผานซินติดตามผู้ใด เขาล้วนไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น
ทั้งอย่างอริยะรายอื่นๆ ก็เคยทอดทิ้งเขาไป
หากลองนึกย้อนดูแล้ว ในแวดวงอริยะทั้งหมดมีเพียงหานเจวี๋ยที่ไม่เคยกดดันเขาเลยสักนิด
ตำหนักผานกู่ตกอยู่ในความสงบ สองอริยะต่างมีเรื่องที่ครุ่นคิดอยู่ในใจ
….
ท่ามกลางความมืดมิด บันไดศิลาหยกขาวเส้นหนึ่งลอยอยู่ในห้วงอวกาศ หานทั่วเดินหน้าไปพร้อมกับจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
หานทั่วสวมชุดเกราะแม่ทัพสวรรค์สีเงิน ดูเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา ดวงตาแนวตั้งสองข้างที่อยู่บนหน้าผากก็ไม่ปรากฏออกมาแล้ว
“ฝ่าบาท พวกเราจะไปพบผู้ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” หานทั่วถามด้วยความสงสัย
เขาพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นอริยะแล้ว ประสาทสัมผัสเกิดความเปลี่ยนแปลง ฟ้าบุพกาลในมุมมองของเขาเปลี่ยนแปลงไปดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ทุกอย่างล้วนดูสดใส
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปเยี่ยมเยือนผู้อาวุโสท่านหนึ่งของเรา ที่เราสามารถก่อตั้งวังสวรรค์ได้ ต้องขอบคุณเขาเป็นอย่างยิ่ง”
หานทั่วถามด้วยความอยากรู้ “ใช่ผู้อาวุโสท่านก่อนหน้านั้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “อย่าได้นึกถึงผู้อาวุโสท่านนั้นอีก ผู้อาวุโสอย่างเขาหลุดพ้นจากความขัดแย้งในฟ้าบุพกาลไปเนิ่นนานแล้ว ผู้อาวุโสที่เราจะพาเจ้าไปพบก็เป็นเทพมารฟ้าบุพกาลตนหนึ่งเช่นกัน”
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...