ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 815

บทที่ 815 สำเร็จต้าหลัวในวันเดียว

หานเจวี๋ยปิดด่านสามหมื่นปีถึงได้ลืมตาขึ้น กลับไม่ใช่เพราะเจียงเจวี๋ยซื่อ แต่เพราะจอมอริยะเสวียนตูถ่ายทอดเสียงมาหาเขาก่อน

ส่วนเจียงเจวี๋ยซื่อ หานเจวี๋ยไม่คิดจะสนใจอีก หว่านเมล็ดกรรมไว้แล้ว วันหน้าค่อยมาเก็บเกี่ยวต่อ

เขาเชื่อว่าประสบการณ์ในช่วงนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ลืมเลือนได้ยากสำหรับเจียงเจวี๋ยซื่อ

สักวันหนึ่ง เมื่อเจียงเจวี๋ยซื่อเผชิญหน้ากับปัญหาที่ตนยากจะต่อกร เขาค่อยลงมือเพื่อซื้อใจอีกครั้งก็ได้

หานเจวี๋ยมายังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

เขาสังเกตเห็นว่ากลิ่นอายของผู้บำเพ็ญในที่แห่งนี้เพิ่มมากขึ้น มีผู้บำเพ็ญอย่างน้อยหนึ่งล้านคนกระจายตัวอยู่ตามอาณาเขตเต๋าของเหล่าอริยะ

คาดว่าเป็นไปตามแผนการพัฒนาสู่ร้อยอริยะของจอมอริยะเสวียนตู

หานเจวี๋ยมาที่ตำหนักเอกภพ เขากับจอมอริยะเสวียนตูพบกันในมิติชั้นหนึ่ง ดูเหมือนเป็นที่เดียวกับตำหนักเอกภพ แต่ตำหนักเอกภพที่แท้จริงมีผู้แสวงมรรคหลายหมื่นคนฝึกบำเพ็ญอยู่

จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ระยะนี้สหายเต๋าหานฝึกบำเพ็ญเป็นอย่างไรบ้าง”

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “พอใช้ได้ จะพูดจาตามมารยาทกับข้าไปไย มีอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะ”

“เรื่องเป็นเช่นนี้ มรรคาเทพเปิดออกแล้ว ผู้นำดวงจิตมหามรรคประกาศว่าจะมอบโอกาสให้สิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลหนึ่งครั้ง สรรพสิ่งต่างบุกไปยังมรรคาเทพได้ มีตำแหน่งดวงจิตมหามรรคว่างอยู่ห้าที่ สหายเต๋าหานอยากไปหรือไม่” จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยยิ้มๆ

น้ำเสียงเขาเจือความคาดหวังเอาไว้เล็กน้อย

ดวงจิตมหามรรคไม่ธรรมดาเลย!

อย่าเห็นเพียงว่าหานเจวี๋ยเคยสังหารดวงจิตมหามรรคไปแล้ว แต่ในฟ้าบุพกาล ดวงจิตมหามรรคเป็นตัวตนระดับสูง ควบคุมระเบียบฟ้าบุพกาลในด้านหนึ่ง อีกทั้งได้รับชะตาแห่งดวงจิตด้วย ตบะก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด

ที่สำคัญที่สุดคือสถานะจะเปลี่ยนแปลงไป!

ดวงจิตมหามรรค เปรียบเสมือนจักรพรรดิในโลกมนุษย์ เทพเซียนในแดนเซียน มีอำนาจสูงสุดอย่างชอบธรรม!

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “แล้วไปเถอะ ไม่ไป อันตรายเกินไป”

จอมอริยะเสวียนตูถามด้วยความฉงน “ตอนนี้เจ้ายังจะกลัวอันตรายอีกหรือ”

เขานึกว่าหานเจวี๋ยไร้พ่ายแล้ว

แม้แต่อาจารย์ของเขาก็ยังไม่เคยมีกิตติศัพท์การต่อสู้อันแกร่งกล้าอย่างการสังหารมิ่งสิบสามรายในคราวเดียวเลย ยิ่งไม่เคยสังหารดวงจิตมหามรรคด้วย!

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว เหนือคนยังมีคนเหนือฟ้ายังมีฟ้า สหายเต๋าเสวียนตู พวกเราควรจัดการเรื่องราวอย่างรอบคอบ อย่าประมาทชะล่าใจเกินไป ไม่ง่ายเลยกว่าจะพัฒนามรรคาสวรรค์ได้ บางครั้งสำรวมไว้จะดีที่สุด ไม่ควรออกหน้าเป็นอันดับหนึ่งในทุกเรื่องเสมอไป” หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างมีนัย

จอมอริยะเสวียนตูคิดตาม

หากคนอื่นกล่าวเช่นนี้ เขาคงไม่ใส่ใจ แต่เมื่อหานเจวี๋ยเป็นคนพูด เช่นนั้นความหมายย่อมต่างกันไป

เมื่อคิดดูให้ละเอียด ระยะนี้เขาลำพองไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น อริยะคนอื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับโลกอื่นๆ ในละแวกนี้ ล้วนค่อนข้างทำตัวเย่อหยิ่ง มีเรื่องใหญ่ใดล้วนต้องการมีส่วนร่วมไปเสียหมด ราวกับเป็นจอมอหังการแห่งฟ้าบุพกาลแล้ว

แต่ฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่ขนาดไหนกันเล่า อาณาเขตที่มรรคาสวรรค์ครอบครองเสมือนน้ำหยดหนึ่งท่ามกลางมหาสมุทร ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงเลย

ตำแหน่งดวงจิตมหามรรคนี้เป็นตำแหน่งที่ทั่วฟ้าบุพกาลหมายไปแย่งชิง มรรคาสวรรค์ไหนเลยจะเข้าไปร่วมไหว

ยิ่งคิดจอมอริยะเสวียนตูก็ยิ่งหวาดหวั่นขึ้นมา

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ระยะนี้ภายในมรรคาสวรรค์มีบุตรแห่งสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมบ้างหรือไม่ ข้าหมายถึงบุตรแห่งสวรรค์แบบที่ทัดเทียมกับหลี่เต้าคงและอี๋เทียน”

จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “มีน่ะมี แต่มักจะด้อยกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอี๋เทียนและบุตรชายของเจ้า ต้องกล่าวเลยว่า ชนรุ่นหลังสองคนนี้เป็นผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่โดยแท้ ไม่นานมานี้พิสูจน์เสรีสำเร็จแล้ว มีชื่อเสียงก้องไปทั่วฟ้าบุพกาล”

เขาก็ฉงนมากเช่นกัน รู้สึกอยู่เสมอว่ามรรคาสวรรค์ยังขาดบางอย่างไป

ส่วนสิ่งที่ขาดไปนั้นอยู่ที่ใด เขาก็ตรวจจับไม่ได้เช่นกัน

มีบุตรแห่งสวรรค์มากมาย แต่ประเภทที่เลิศล้ำน่าตะลึงเช่นนั้นยังมีน้อยยิ่ง

บางทีอาจเป็นเพราะสงบสุขเกินไป กลายเป็นข้อจำกัดทางความสามารถของบุตรแห่งสวรรค์บางส่วน

โลกโกลาหลวีรบุรุษกำเนิด ต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน

บุตรแห่งสวรรค์บางจำพวกต้องการสภาพแวดล้อมและประสบการณ์เป็นตัวกระตุ้นโบยตี

“หลังสิ้นสุดมหาเคราะห์ อนุญาตให้มีการแก่งแย่งชิงดีในมรรคาสวรรค์ได้หรือไม่” จอมอริยะเสวียนตูถามอย่างระมัดระวัง

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศออกไป สำนักนิกายแห่งดวงชะตาสอดมือยุ่งให้น้อยลงจะยิ่งดี เทพเซียนสมควรลุกขึ้นมาได้แล้ว”

จอมอริยะเสวียนตูพยักหน้ารับ

จากนั้น จอมอริยะเสวียนตูก็เอ่ยถึงโลกพุทธะ

โลกพุทธะพัฒนาไปอย่างยอดเยี่ยมยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากมีผู้ทรงพลังระดับเสรีคนหนึ่งเข้าร่วม เกิดแรงดึงดูดต่อสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลมากยิ่งขึ้น

จอมอริยะเสวียนตูทราบว่าเจ้าของโลกพุทธะคือศิษย์หลานของหานเจวี๋ย เมื่อเอ่ยถึงขึ้นมา เขาก็อดทอดถอนใจอยู่ในใจไม่ได้

มรรคาสวรรค์ไร้ซึ่งผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่และยอดบุตรแห่งสวรรค์เสียที่ไหนเล่า

ล้วนถูกเจ้ารับเป็นศิษย์ไปหมดแล้วกระมัง

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นาน หานเจวี๋ยถึงได้จากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ