บทที่ 887 แมลงทมิฬล้างโลกา
หานเจวี๋ยจ้องมองหลักศิลาในฝ่ามือ ด้วยการควบคุมของพลังยอดมหามรรค หลักศิลานี้ย่อขนาดจนเล็กจิ๋ว โพรงแน่นขนัดเรียงรายเสมือนจุดดำนับไม่ถ้วน แปลกประหลาดยิ่ง
จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาชำแรกเข้าไปในหลักศิลา สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่อยู่ในหลักศิลาราวกับแมลงสีดำ รอบกายมีหมอกทมิฬพัวพัน เสมือนปีศาจร้าย
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่มีสติปัญญา ยั้วเยี้ยอยู่ภายในเหมือนกับมด หนึ่งในนั้นมีหนึ่งตัวที่ใหญ่ที่สุดคล้ายจะเป็นหนอนราชินี วางไข่อยู่ไม่หยุดพัก
“หืม”
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยอุทานด้วยความประหลาดใจ เขาพบว่าไอดำบนร่างของแมลงเหล่านี้สามารถกัดกินจิตศักดิ์สิทธิ์ได้ ถึงแม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเขา แต่ทำได้จริงๆ
เขาเป็นระดับยอดมหามรรคเชียวนะ!
สามารถกัดกินจิตศักดิ์สิทธิ์ระดับยอดมหามรรคได้ หากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผู้ใดจะต้านทานได้เล่า
สิ่งสำคัญที่สุดคือแมลงสีดำเหล่านี้ยังอยู่ในวัยเยาว์ ยังไม่โตเต็มที่
เขาอดหนาวสะท้านไม่ได้
หากว่าปรมาจารย์เทพทมิฬเลี้ยงดูแมลงเหล่านี้จนอยู่ในสภาพโตเต็มที่ เช่นนั้นจะมีพลังน่าหวาดหวั่นมากเพียงใดกัน
ไม่ถูกสิ หากร้ายกาจเช่นนี้จริง เหตุใดปรมาจารย์เทพทมิฬถึงไม่พาหลักศิลาไปอวดอ้างบารมีเล่า
เขาสอบถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ประวัติความเป็นมาของแมลงเหล่านี้’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
แพงขนาดนี้เชียว!
ราคาเทียบเท่าค่าตัวของผู้นำดวงจิตมหามรรค
หานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่อ
[แมลงทมิฬล้างโลกา: ถือกำเนิดในยุคแรกฟ้าบุพกาล ยามที่เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดสะกดข่มอนธการ พวกมันถือกำเนิดขึ้นจากจิตอาฆาตของอนธการ สามารถกัดกินพลังเวทและจิตรับรู้ได้ หากไร้ซึ่งปราณอนธการ พวกมันจะไม่มีทางเติบใหญ่ได้ ได้แต่ถูกกักขังไว้ในหลักศิลา]
เลิศล้ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
กัดกินพลังเวทและจิตรับรู้!
ต้องได้รับปราณอนธการเพื่อหล่อเลี้ยง ไม่แปลกเลยที่ปรมาจารย์เทพทมิฬจะกล้าพาพวกมันมาด้วย แมลงทมิฬล้างโลกาอาจจะไม่เข้าตาปรมาจารย์เทพทมิฬ เป็นหลักศิลานี้ต่างหากที่เทียบเท่ากับยอดสมบัติฟ้าบุพกาล มันมีพลังแห่งการผนึกจองจำอยู่
ยอดสมบัติฟ้าบุพกาลเทียบได้กับยอดสมบัติมหามรรค เป็นยอดสมบัติที่ระดับมหามรรคล้วนต้องการได้มา
ที่เหนือกว่านั้นขึ้นไปคือสมบัติเลิศมรรคา นั่นคือสมบัติในตำนาน สรรพสิ่งในฟ้าบุพกาลไม่ทราบถึงนามนี้เลย
หานเจวี๋ยกลับมาที่อาณาเขตเต๋าหลัก ใส่หลักศิลาเข้าไปในคุกสวรรค์อนธการ คุกสวรรค์อนธการล่องหนไร้รูปลักษณ์ เพียงแต่ติดตั้งเอาไว้ที่นี่ ต้องให้เขาเปิดใช้งานเอง
เขาคิดจะใช้คุกสวรรค์อนธการสยบทาสแมลงทมิฬล้างโลกา ไม่ทราบว่าจะทำได้หรือไม่
หานเจวี๋ยทิ้งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งไว้คอยเฝ้า จากนั้นกลับไปยังอารามเต๋าแห่งที่สาม
เขาเข้าฝันปรมาจารย์เทพทมิฬตรงๆ ไปพบอีกฝ่ายด้วยรูปโฉมดั้งเดิม
ในแดนความฝัน ปรมาจารย์เทพทมิฬลืมตาขึ้น เมื่อเห็นหานเจวี๋ย สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นอึมครึม
ถึงแม้เขาจะตกใจ ทว่ารับรู้ได้ว่าที่นี่คือความฝัน
ในเมื่อเป็นความฝัน ไหนเลยจะต้องกลัว
“เจ้าเอาสมบัติของข้าไป บ่วงกรรมนี้ถูกผูกแล้ว!”
ปรมาจารย์เทพทมิฬเอ่ยเสียงขรึม น้ำเสียงอำมหิต
หานเจวี๋ยถามด้วยความสงสัย “เจ้ายังไม่เข้าใจฟ้าบุพกาลในปัจจุบันนี้กระมัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าจับตัวผู้ใดไป”
ปรมาจารย์เทพทมิฬเอ่ยอย่างเย็นชา “ก็แค่บุตรชายเจ้ามิใช่หรือ”
“ผิดแล้ว พวกเขาคือห้าเทวทัณฑ์ที่ผู้นำดวงจิตมหามรรคแต่งตั้งขึ้น คอยสอดส่องเหล่าดวงจิตมหามรรค เจ้าทำผิดมหันต์แล้ว ผู้นำดวงจิตมหามรรคไม่มีทางละเว้นเจ้า”
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจ เขาแปลกใจ คนผู้นี้ดีร้ายอย่างไรก็เป็นตัวตนชั้นแนวหน้าในหมู่อริยะมหามรรค เหตุใดถึงสะเพร่าเช่นนี้ ราวกับไม่เข้าใจเรื่องราวในฟ้าบุพกาลเลย
ปรมาจารย์เทพทมิฬขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “ผู้นำดวงจิตมหามรรคเป็นใครกัน”
“เจ้ามาจากที่ไหนกันแน่”
“ข้า…”
ปรมาจารย์เทพทมิฬลังเล เขาไม่ได้โง่ บางทีฟ้าบุพกาลอาจจะเปลี่ยนโฉมไปแล้ว
ฝีมือของหานเจวี๋ยเหนือชั้นยิ่งนัก แล้วผู้นำดวงจิตมหามรรคที่เขาเอ่ยถึงจะแข็งแกร่งเพียงใดเล่า
ตอนที่เขาเพิ่งออกมา พบว่าอริยะมหามรรคในฟ้าบุพกาลนี้มีไม่มาก คนที่เทียบชั้นกับเขาได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ดังนั้นเขาถึงได้จองหองไร้ความเกรงกลัว กล้าจับตัวเทพมารฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้ามาจากที่ไหน บอกมาเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...