บทที่ 889 ตัวแปรในฟ้าบุพกาล – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 889 ตัวแปรในฟ้าบุพกาล จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 889 ตัวแปรในฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยเพิ่งเคยเห็นรูปโฉมหลังเติบใหญ่ของบุตรชายอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก ดูคล้ายเขาจริงๆ หล่อเหลากว่าหานทั่ว แต่ก็มีไอชั่วร้ายมากกว่าส่วนหนึ่ง
ไอสังหารของเด็กคนนี้หนักหนายิ่ง!
หานเจวี๋ยหันไปมอง ทางด้านหลังของตน ปรากฏเงาร่างบึกบึนร่างหนึ่งที่มีแสงเจิดจ้าส่องอยู่ด้านหลัง
เขาเพ่งมอง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล
ผู้มาคือเทพมหาทัณฑ์
มีเงาร่างปรากฏขึ้นด้านหลังของเทพมหาทัณฑ์ร่างแล้วร่างเล่า ในบรรดานั้นมีห้าเทวทัณฑ์รวมอยู่ด้วย มีดวงจิตมหามรรคหลายสิบคน
พวกเขาเดินผ่านหน้าหานเจวี๋ยไป ล้วนจ้องมองเงาร่างสูงพันจั้งที่อยู่ด้านหน้า
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเหล่าดวงจิตมหามรรคล้วนตึงเครียดยิ่ง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้ หานทั่วกำสองมือแน่น สีหน้าซีดขาว ราวกับในใจกำลังทุกข์ทรมานนัก
“เทพมารอนธการ วันนี้เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่ ก่อนตาย มีคำพูดอยากสั่งเสียหรือไม่”
เทพมหาทัณฑ์ถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ บนอากาศเหนือตำหนักทั้งหลังถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้ม ฟ้าร้องดังครืนๆ
เงาร่างสูงพันจั้งทอดสายตามองเหล่าดวงจิตมหามรรคด้านหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน “พี่ชายที่แสนดีของข้า เจ้าก็คิดจะหันดาบใส่ข้าด้วยหรือ”
เมื่อหานทั่วได้ยิน สีหน้ายิ่งไม่น่ามองกว่าเดิม
อี๋เทียนร้องด่า “เด็กเหลือขออย่างเจ้าก่อกรรมทำชั่วมามากนัก พี่ชายของเจ้าแยกแยะถูกผิดได้ถึงไม่ช่วยเหลือเจ้า แทนที่เจ้าจะแค้นเคืองเขา ไม่สู้โทษตัวเองดีกว่าที่ก่อกรรมทำชั่วเหล่านั้น”
“เฮอะๆๆๆ…”
เงาร่างสูงพันจั้งหัวเราะดังลั่น ยิ้มอย่างบ้าคลั่ง
“ก่อกรรมทำชั่วเช่นนั้นหรือ ผู้ใดกำหนดกัน พวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“ข้าสังหารล้างบางอาณาเขตฟ้าบุพกาลแห่งหนึ่ง อาณาเขตนั้นเป็นเพียงสถานที่ชุมนุมของผู้บำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นแต่ละคนล้วนมีแรงกรรม อีกอย่าง พวกเจ้าไม่เคยเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตกันเลยเช่นนั้นหรือ พวกเจ้าสังหารกันมาน้อยนักหรือ”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเขา เหล่าดวงจิตมหามรรคต่างเงียบไป
เทพมหาทัณฑ์เอ่ยอย่างเย็นชา “กฎเกณฑ์มีกำหนดไว้แล้ว เรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป พวกเราล้วนเคารพต่อกฎระเบียบ วันนี้ต่างไปจากอดีตแล้ว เข้าใจหรือไม่ อีกอย่าง เจ้าใช่เพียงล้างบางอาณาเขตฟ้าบุพกาลแห่งนั้นแน่หรือ เจ้าละเมิดกฎเกณฑ์สูงสุด ก่อให้ชะตากรรมของสรรพสิ่งโกลาหล เจ้าเหยียบย่ำแม่น้ำชะตาฟ้าบุพกาล สะบั้นอดีตกาลของผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วน ทำมรรคจิตของพวกเขาปั่นป่วน เจ้ากระทำความผิดมากมายนัก ต้องให้ข้าเปิดเผยออกมาทีละเรื่องๆ หรือไม่
“วันนี้เจ้าต้องตาย”
เงาร่างสูงพันจั้งลุกขึ้นยืน เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “อยากสังหารข้าหรือ พวกเจ้ามั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว เทพมหาทัณฑ์ เจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งที่สุดในฟ้าบุพกาลจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
เทพมหาทัณฑ์หน้าเปลี่ยนสี
เงาร่างสูงพันจั้งหัวเราะลั่น “ยังมีระดับที่อยู่เหนือยอดมหามรรคขึ้นไปอีก นั่นคือระดับที่เจ้าและเหล่าจื่อล้วนไม่สามารถข้ามไปถึงได้ ระดับผู้สร้างมรรคา ท่านพ่อของข้าล่วงเข้าสู่ระดับผู้สร้างมรรคาตั้งนานแล้ว และข้าเองก็เช่นเดียวกัน!”
“วันนี้ จะให้พวกเจ้าได้เห็นพลังของระดับผู้สร้างมรรคาสักเล็กน้อย”
ตูม!
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวสายหนึ่งพลันระเบิดออกมา ทั่วทั้งตำหนักกลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวไปในพริบตา เทพมหาทัณฑ์ยกมือขึ้นสกัดต้าน แต่ดวงจิตมหามรรคที่อยู่ด้านหลังเขากลับมอดสลายไปอย่างต่อเนื่อง เหลืออยู่เพียงหานทั่ว แม้หานทั่วฝืนสกัดต้าน แต่กายเนื้อก็แบกรับไม่ไหวเช่นกัน คล้ายจะโชกไปด้วยเลือด
ร่างสูงพันจั้งทะยานขึ้นมา แสงเจิดจ้าเปล่งออกมาจากทั่วร่าง เขาหลุบตามองเทพมหาทัณฑ์ ยกมือขวาขึ้น หันฝ่ามือเล็งไปที่เทพมหาทัณฑ์
สีหน้าเทพมหาทัณฑ์พลันแปรเปลี่ยน เขาพบว่าตนขยับเขยื้อนไม่ได้
“เทพมหาทัณฑ์ ข้าเห็นแก่ที่เจ้ามีคุณูปการต่อฟ้าบุพกาล ถึงได้ไม่สังหารเจ้า จนใจที่เจ้าไม่เจียมกำลังตน กล้าพาดวงจิตมหามรรคบุกมา รนหาที่ตายโดยแท้!”
ร่างสูงพันจั้งเอ่ยอย่างเย็นชา น้ำเสียงเปี่ยมเจตนาสังหาร
หานเจวี๋ยเห็นแล้วตระหนกอยู่ในใจ
เด็กคนนี้สำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาแล้วหรือ
กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นโดยแท้!
“ฮึ่ม!”
เสียงเย็นชาสายหนึ่งพลันแว่วขึ้น กลิ่นอายของเงาร่างพันจั้งพลันมอดดับลง ทุกสิ่งรอบข้างล้วนสงบลง แม้แต่ห้วงมิติก็ไม่บิดเบี้ยวอย่างรุนแรงอีกต่อไป
สีหน้าของเงาร่างสูงพันจั้งแปรเปลี่ยนมหันต์ ตะโกนออกมา “ผู้ใด”
“เทพมารอนธการ เจ้าคิดจะโค่นล้มฟ้าบุพกาล กระทำความผิดมหันต์เกินจะผ่อนผันได้ ต้องถูกทำลายสังขารวิญญาณ พลังมรรคทั้งหมดสูญสลายว่างเปล่า!”
น้ำเสียงเฉยชาสายหนึ่งแว่วขึ้นมา เมื่อสิ้นเสียง ฉากทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ยพลันแตกกระจายดั่งกระจก เขามองเห็นเงาร่างสูงพันจั้งแตกละเอียด สลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิว
ภาพลวงตาวิวัฒนาการก็พังทลายลงตาม
เขาดึงดูดหลักศิลาเข้าสู่มือ ไม่นานนัก เขาก็มองเห็นหนอนราชินีมุดออกมาจากหลักศิลา ร่างหนอนบิดยุกยิกเข้าหาเขา คล้ายจะแสดงความสนิทสนม
หนอนราชินีตัวนี้คงจะเป็นร่างเจตจำนงหลักของแมลงทมิฬล้างโลกา
หานเจวี๋ยใช้จิตศักดิ์สิทธิ์ปลอบประโลมมันอยู่พักหนึ่ง ก็ให้มันกลับเข้าหลักศิลาไป
จากนั้น หานเจวี๋ยเริ่มหลอมผนึกควบคุมฟ้าประทานที่ผสานอยู่ในหลักศิลา ใช้เวลาหนึ่งร้อยปี ถึงหลอมให้มันกลายเป็นสมบัติวิเศษของตนได้
เขาโยนหลักศิลาเข้าสู่โลกอนธการ ชักนำปราณอนธการเข้าสู่หลักศิลา หล่อเลี้ยงแมลงทมิฬล้างโลกา
จากนั้นเขาจึงเคลื่อนย้ายกลับไปที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม ฝึกบำเพ็ญต่อ
สำหรับแมลงทมิฬล้างโลกา หานเจวี๋ยยังคงคาดหวังในพวกมันยิ่งนัก
เผ่าแมลงน่าหวาดหวั่นที่กัดกินพลังวิเศษและจิตรับรู้ได้ จะเป็นฝันร้ายของผู้บำเพ็ญอย่างแน่นอน น่ากลัวกว่าสิ่งอัปมงคลเสียอีก
….
ในห้วงมิติขาวโพลน นอกจากสีขาวแล้ว ไม่มีสีสันอื่นเลย เมื่อทอดสายตามองออกไป แต่ละทิศทางล้วนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ในมุมหนึ่งของห้วงมิติแห่งนี้มีศีรษะใหญ่มโหฬารล่องลอยอยู่อย่างเงียบเชียบ รอบศีรษะนี้มีซากศพแข็งทื่อมากมายลอยวนอยู่ ดั่งเม็ดทรายเล็กจ้อยที่อยู่เบื้องหน้าศีรษะนี้
ศีรษะใหญ่มโหฬารมีผมยาวดกที่ดูราวกับหญ้าแห้ง ใบหน้าแดงก่ำ มีตาเก้าดวง ดวงตาสี่คู่เรียงซ้อนกันหันไปทางตำแหน่งกลางกระหม่อม และมีดวงตาข้างหนึ่งอยู่ที่กลางหว่างคิ้ว
ทันใดนั้นดวงตาทั้งเก้าพลันลืมขึ้น แววตานั้นเย็นชาอย่างยิ่ง ไร้ซึ่งระลอกอารมณ์ใดๆ กลิ่นอายของเขาเป็นของผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ดูเดียวดายอย่างยิ่ง
“เป็นผู้ใดกันที่สอดส่องและคิดจะควบคุมชะตากรรมของข้า”
ศีรษะใหญ่มโหฬารพึมพำกับตัวเอง “ทำนายถึงฟ้าบุพกาลไม่ได้ หรือที่ผานกู่สะบั้นบ่วงกรรมสูงสุด จะมิใช่เพื่อสกัดกั้นขุนพลศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น”
“น่าสนใจ ฟ้าบุพกาลยังคงมีตัวแปรอยู่ ข้าก็อยากเห็นนักว่าผู้ใดจะผงาดขึ้นมา”
“ในเมื่อต้องการเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นข้าจะให้ฟ้าบุพกาลแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่น่าสนใจขึ้น”
พอสิ้นเสียง ดวงตาข้างนั้นที่อยู่กลางหว่างคิ้วพลันถลนออกมาจากเบ้า ก่อนหายลับไปอย่างรวดเร็ว
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...