ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 92

สรุปบท บทที่ 92 ระดับรวมกายาขั้นสี่ ศิษย์เต๋าแห่งจวนเซียนสวรรค์: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

อ่านสรุป บทที่ 92 ระดับรวมกายาขั้นสี่ ศิษย์เต๋าแห่งจวนเซียนสวรรค์ จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet

บทที่ บทที่ 92 ระดับรวมกายาขั้นสี่ ศิษย์เต๋าแห่งจวนเซียนสวรรค์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 92 ระดับรวมกายาขั้นสี่ ศิษย์เต๋าแห่งจวนเซียนสวรรค์
“อย่าเพิ่งสนใจสำนักหยกพิสุทธิ์ ศึกกับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตยืดเยื้อมานานหลายปีเพียงนี้ก็ควรจะจบลงได้แล้ว ชื่อเสียงอำนาจของสำนักไร้ลักษณ์ก็ได้ผงาดขึ้นมาแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่าสังหารกันอีก เจ้าก็จงตั้งใจฝึกฝนเถิด เป้าหมายของเจ้าควรอยู่ที่จวนเซียนสวรรค์ ไม่ใช่เรื่องแย่งชิงอำนาจ”

เฒ่าประหลาดอู้เต้าเอ่ย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง

ตงหวางเซียนขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าเช่นนี้ยังไม่เพียงพอ ตกลงกันแล้วว่าจะทำให้สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตพังพินาศ แล้วจะจบลงง่ายๆ เพียงเพราะพวกเขาพึ่งพาสำนักหยกพิสุทธิ์ได้อย่างไร

หากเรื่องนี้แพร่งพรายอกไป ผู้อื่นจะไม่คิดว่าสำนักไร้ลักษณ์หวาดกลัวสำนักหยกวิสุทธิ์หรอกหรือ

“อาจารย์ ระวังจะเป็นการเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้[1]นะขอรับ!” ตงหวางเซียนเอ่ยเสียงเบา

คนอื่นๆ ในที่นั้นต่างมองหน้าสบตากันไปมา

พวกเขาล้วนเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักไร้ลักษณ์ ความจริงแล้วพวกเขาเองก็ยังอยากยอมแพ้

อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นสำนักบำเพ็ญเซียน ไม่ใช่ราชวงศ์ในโลกมนุษย์ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้บำเพ็ญคือเวลา ควรใช้เวลาไปกับการแสวงหามหามรรคาถึงจะเรียกได้ว่าวิถีทางที่ถูกต้อง หากมัวแต่ต่อสู้ฆ่าฟันกันตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก!”

อีกอย่าง สำนักไร้ลักษณ์เองก็ไม่ใช่สายมาร ไม่ชอบการเข่นฆ่า

เฒ่าประหลาดอู้เต้าโบกมือกล่าว “ข้าตัดสินใจแล้ว จะไม่เคลื่อนพลไปสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตอีก!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตงหวางเซียนแสดงสีหน้าไม่พอใจ

อาจารย์ของเขาไม่ว่าอะไรล้วนดีไปเสียหมด เพียงแต่ยังโหดเหี้ยมไม่พอ!

แม้จะไม่พอใจ แต่ตงหวางเซียนก็ไม่ได้ต่อต้านผู้เป็นอาจารย์ ถึงอย่างไรอาจารย์ก็เลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่

……

หลังจากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตประกาศเข้าร่วมกับสำนักหยกพิสุทธิ์ สำนักไร้ลักษณ์ก็หยุดการโจมตี นั่นทำให้เหล่าศิษย์ของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตพากันโล่งอก

ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็สงสัยในสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นอย่างมาก

แท้จริงแล้วสำนักหยกพิสุทธิ์นั้นแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ ถึงสามารถทำให้สำนักไร้ลักษณ์สงบลงได้

หลิ่วปู๋เมี่ยมาถึงยอดเขาหลักของสำนักหยกพิสุทธิ์ หลี่ชิงจื่อได้จัดเตรียมถ้ำเทวาให้เขา เขารู้ดีว่าตนเองมีฐานะเทียบได้กับตัวประกัน หากสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตคิดไม่ซื่อ คนแรกที่จะต้องตายก็คือเขา

เดิมหลี่ชิงจื่อคิดว่าสำนักไร้ลักษณ์จะบุกโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ ไม่คิดว่าสำนักไร้ลักษณ์จะหยุดมือ ทำให้เขาอดที่จะโล่งใจไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ สำนักหยกพิสุทธิ์จึงไม่ได้เผชิญกับความวุ่นวาย

หลังจากที่สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตมาขอพึ่งพิงสำนักหยกพิสุทธิ์ สำนักหยกพิสุทธิ์จึงกลายเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าเยี่ยนอย่างเสียไม่ได้ ผู้บำเพ็ญอิสระและมนุษย์ธรรมดาที่มาขอพึ่งพาอาศัยมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

หลี่ชิงจื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของตบะ จึงเริ่มกระจายอำนาจ ส่วนตนเองก็ปิดด่านฝึกตน

ต้าเยี่ยนสงบสุขมาร่วมสิบปีแล้ว

หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับรวมกายาขั้นสองแล้ว

[อายุขัยของท่านก้าวมาถึง 400 ปี ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง แสดงตัวทันที พิสูจน์ความแข็งแกร่งของท่านให้ใต้หล้ารับรู้ จะได้รับไข่สัตว์เทพโชคชะตาหนึ่งใบ สุ่มรับของล้ำค่าฟ้าดิน]

[สอง ปิดด่านฝึกฝนต่อไป หลีกหนีจากความขัดแย้ง จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเห็นตัวเลือกที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เดิมทีก็ไม่ลังเล เลือกตัวเลือกที่สองในทันที

[ท่านเลือกปิดด่านฝึกฝนต่อไป ได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณชั้นเลิศ–กำไลวิเศษบรรลุสวรรค์]

[กำไลวิเศษบรรลุสวรรค์: สมบัติวิญญาณประเภทป้องกันชั้นเลิศ สามารถแยกพลังจิต ป้องกันการโจมตีวิญญาณ]

สมบัติวิญญาณประเภทป้องกันอีกแล้ว!

ดีจริงๆ!

หานเจวี๋ยหยิบกำไลวิเศษบรรลุสวรรค์ออกมา และเริ่มทำให้ยอมรับเจ้าของ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็สวมใส่กำไลวิเศษบรรลุสวรรค์ ตัวกำไลฝังด้วยคริสตัลสี่สี ประกอบด้วยสีน้ำเงิน สีเงิน สีขาว และสีแดง ดูแล้วส่องแสงวิบวาวเป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าการแต่งกายของตนเองเริ่มเข้าใกล้เกมออนไลน์บำเพ็ญเซียนมากขึ้นทุกที ยิ่งเติมแต่งยิ่งหล่อเหลา

ไม่นาน เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มต้นสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้าและจูเชวี่ย

ทุกครั้งระหว่างหยุดการฝึกบำเพ็ญ เขามักจะสาปแช่งศัตรู จนแทบจะกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ ตบะของมู่หรงฉีและสวินฉางอันก็พุ่งทะยานรวดเร็วเป็นอย่างมาก

พรสวรรค์ของมู่หรงฉีนั้นก็ไม่เลวจริงๆ สวินฉางอันกลัวว่าเขาจะล้ำหน้าตน และก็ไม่กล้าคิดถึงเซี่ยนเออร์อีก จึงจดจ่อกับการฝึกฝน ตบะของอาจารย์และศิษย์ทั้งสองคนจึงก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดผลลัพธ์ไปในทางที่ดี

ไก่คุกรัตติกาลยังอยู่ในระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้า เข้าใกล้ระดับสุญตามากขึ้นทุกที

ทุกๆ วันเจ้านี่ก็มักจะฝัน มันฝันเห็นว่าสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมา

มันร้อนรนทนไม่ไหวอยากจะสั่งสอนสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเสียเต็มที

สาปแช่งร่วมสิบวัน หานเจวี๋ยถึงวางหนังสือแห่งความโชคร้ายด้วยความพึงพอใจ

เขาตรวจดูจดหมายเล็กน้อย คนที่ถูกโจมตีก็ยังถูกโจมตีเช่นเคย สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังเป็นผู้ที่ถูกโจมตีบ่อยที่สุด และมีสหายบางคนที่ได้รับโอกาสวาสนา

ที่ควรกล่าวถึงคือ ช่วงนี้ซูฉีไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรมาก หากไม่ใช่เพราะรูปของเขายังอยู่ หานเจวี๋ยยังเป็นกังวลจริงๆ ว่าเขาจะถูกอุ้มไปแล้ว

หานเจวี๋ยมักรู้สึกว่ามีรูปสองสามอันที่หายไปจากลำดับสหาย เขาไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร แต่คนที่เขาให้การติดตามพิเศษกลับยังอยู่

ตั้งใจฝึกฝนต่อไปดีกว่า

อาจารย์ก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร นั่นหมายความว่าอาจารย์คาดหวังให้เขาใช้โอกาสนี้ในการปิดด่านฝึกฝน หลีกเลี่ยงที่มักจะให้อาจารย์ลงมือช่วยตลอด

คิดมาถึงตรงนี้ ซูฉีก็ขับพลังวิเศษ ฝึกฝนต่อไป

……

เพียงพริบตาเวลาสามปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงผ่านระดับรวมกายาขั้นสี่แล้ว

พลังวิญญาณหกสายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เขารู้สึกมีความสุข เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เตรียมพร้อมที่จะสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้าและจู่เชวี่ยเพื่อความเพลิดเพลิน

“ข้าน้อยจี้เหลิ่งฉาน ครั้งนี้มาเพื่อขอท้าประลองสำนักหยกพิสุทธิ์ เพียงประลองเวทเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้ใดกล้าประลองกับข้าหรือไม่”

น้ำเสียงที่หยิ่งผยองดังก้องไปทั่วท้องฟ้าและผืนปฐพี หานเจวี๋ยได้ฟังจนนิ่งอึ้ง

ท้าประลองสำนัก?

หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบตบะของฝ่ายตรงข้ามทันที

[จี่เหลิ่งฉาน: ระดับรวมกายาขั้นสอง ศิษย์เต๋าแห่งจวนเซียนสวรรค์ บุคลิกหยิ่งทะนง ต้องการเป็นผู้บำเพ็ญที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ออกเดินทางไปทั่วสารทิศ ท้าทายทุกหนแห่ง ยังไม่เคยเผชิญความพ่ายแพ้]

ศิษย์เต๋าแห่งจวนเซียนสวรรค์?

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง เกี่ยวกับจวนเซียนสวรรค์เขาก็เคยได้ยินมานาน ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้พบกับลูกศิษย์ของจวนเซียนสวรรค์แล้ว

เขารีบใช้รูปแบบจำลองการทดสอบทันที

หลังจากสามอึดใจ เขาลืมตาขึ้น คิ้วขมวดแน่น

เจ้าหมอนี่…

“อะไรกัน สำนักหยกพิสุทธิ์ที่พิชิตสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตได้กลับไม่มีผู้ใดกล้าประลองกับข้าน้อยเลยอย่างนั้นหรือ ทำให้ข้าน้อยรู้สึกผิดหวังจริงๆ ข้าน้อยนำหินวิญญาณชั้นสูงจำนวนนับล้านมาด้วย หากผู้ใดเอาชนะข้าน้อยได้ หินวิญญาณเหล่านี้จะตกเป็นของคนผู้นั้น! ”

“หินวิญญาณหนึ่งล้านยังไม่พอหรือ? ข้าน้อยจะนำสมบัติวิญญาณให้อีกชิ้น! ”

“ไม่ใช่กระมัง หรือสำนักหยกพิสุทธิ์มีแต่พวกอ่อนหัว?”

“มารดาพวกเจ้า! ตายกันหมดแล้วหรืออย่างไร! ไม่มีผู้ใดออกมาพูดอะไรเลยหรือ”

……………………………………………………………………………..

[1] เป็นสำนวน หมายถึงปล่อยศัตรูไว้ไม่จัดการ ศัตรูจะนำพาความยุ่งยากมาให้ในภายภาคหน้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ