บทที่ 936 เซียนพเนจร ท่องฟ้าบุพกาล
“อริยะสวรรค์เกรียงไกรกลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาลแล้ว ถึงอยากก้าวข้ามเขาไปแต่หากไร้ซึ่งโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้”
เสียงลึกลับนั้นแว่วขึ้นในหูของชิงเทียนเสวียนจีอีกครั้ง
ชิงเทียนเสวียนจีคล้ายจะรับรู้ถึงบางสิ่งได้ หันหลังมองออกไปในทันใด เห็นเพียงว่ามีเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากขอบฟ้า ทุกย่างก้าวมีบงกชเบ่งบาน เดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆ
เงาร่างนี้ราวกับก่อตัวขึ้นจากสายลมยากจะมองเห็นใบหน้าจริงได้ ลึกลับยากจะคาดเดา
“เจ้าเป็นผู้ใด แจ้งนามมาเสีย!”
ชิงเทียนเสวียนจีตวาดเสียงเข้ม ในใจพลันนึกโมโหขึ้นมา
คนผู้นี้ต้องการมายุยงให้เขาแตกแยกกับอริยะสวรรค์เกรียงไกรแน่นอน
เขาอยากเทียบชั้นกับอริยะสวรรค์เกรียงไกร แต่ก็เป็นเพียงการไล่ตามรอยเท้าเท่านั้น มิใช่ความแค้นชิงชัง
เขาคืออริยะมรรคาสวรรค์ ไหนเลยจะห้ำหั่นกับมรรคาสวรรค์ได้
“ข้าเป็นเพียงเซียนพเนจรที่ออกท่องฟ้าบุพกาล เสาะแสวงหาผู้มีชะตามหาโชคในฟ้าบุพกาล คุณสมบัติของเจ้านับว่าเลิศล้ำในฟ้าบุพกาลแล้ว ถึงขั้นที่ทิ้งห่างอริยะสวรรค์เกรียงไกรผู้นั้นด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดาย มหาโชคในฟ้าบุพกาลนี้มีอยู่เพียงเจ็ดประการ หากเจ้าไม่สามารถคว้าหนึ่งในนั้นมาได้ก็ไม่มีทางก้าวข้ามอริยะสวรรค์เกรียงไกรไปได้”
เงาร่างสายลมเอ่ยกลั้วหัวเราะ น้ำเสียงเลื่อนลอย
ชิงเทียนเสวียนจีขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เจ็ดประการใด”
เซียนพเนจรเช่นนั้นหรือ
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
แต่วาจาของอีกฝ่ายกระตุ้นความสนใจของเขาขึ้นมา
“เหนือมหามรรคสามพันวิถีขึ้นไป มีกฎเกณฑ์สูงสุดเจ็ดประการ ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ที่ออกตระเวนไปทั่วฟ้าบุพกาลในกาลก่อนก็คือพลังของหนึ่งในเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด อีกชื่อที่ขนานนามกันก็คืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค ดวงจิตบรรพกาลฝืนฮุบกลืนกฎเกณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีสามารถต่อกรกับอริยะสวรรค์เกรียงไกรอย่างทัดเทียมได้ จนใจที่เผชิญกับการสะท้อนกลับจากกฎเกณฑ์สูงสุด สุดท้ายก็พ่ายแพ้พินาศไป”
เซียนพเนจรเล่าอย่างสบายๆ ชิงเทียนเสวียนจีฟังแล้วไม่เข้าใจ
คนผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน! ไอรีนโนเวล
แข็งแกร่งกว่าข้าเป็นแน่!
หากคิดหนีคงยากยิ่ง มิสู้ล้วงเอาข้อมูลฟ้าบุพกาลจากปากเขาสักหน่อยดีกว่า
ชิงเทียนเสวียนจีคิดในใจเงียบๆ จากนั้นก็ซักถามเซียนพเนจรต่อไป
….
ศึกตัดสินระหว่างอริยะสวรรค์เกรียงไกรและดวงจิตบรรพกาลกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในฟ้าบุพกาลอยู่เนิ่นนาน
หนึ่งแสนปีให้หลัง สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลก็ยังพูดคุยถึงศึกนี้อยู่ เพียงแต่ศึกนี้ได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว ผู้บำเพ็ญรุ่นหลังล้วนก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพราะได้ฟังตำนานเล่าขานนี้
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ยังสยบทาสเทพมหาทัณฑ์ไม่สำเร็จ เขาจำเป็นต้องปลดปล่อยบุตรแห่งสวรรค์นับล้านออกไปก่อน ส่งตัวพวกเขาไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสามโดยตรง
บุตรแห่งสวรรค์นับล้านปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ย่อมก่อให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตยิ่ง
พวกเต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน เจียงอี้ หานอวี้และฉินหลิงก็รวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
พวกเขามองหน้ากันเหลอหลา ค่อนข้างมึนงง
เจตจำนงของพวกเขาตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายมาตลอด ไม่ทราบเลยว่าช่วงที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ราวกับพวกเขาหลับฝันไปตื่นหนึ่ง
ในเวลานี้เอง กลิ่นอายทรงพลังมหาศาลแผ่ออกมาจากเมืองฟ้าบุพกาลแห่งต่างๆ ที่อยู่รอบมรรคาสวรรค์
“เป็นพวกเขาจริงๆ อริยะสวรรค์กรียงไกรไม่ได้หลอกพวกเรา!”
“คิดๆ ดูแล้วช่วงหนึ่งแสนปีมานี้ อริยะสวรรค์เกรียงไกรน่าจะกำลังขจัดภัยแฝงในร่างพวกเขาอยู่”
“ถูกต้อง ดวงจิตบรรพกาลผู้นั้นชั่วร้ายสุดขีด ต้องทิ้งเล่ห์กลไว้แน่”
“พวกเราต้องระมัดระวังให้มากไว้หน่อย อีกเดี๋ยวค่อยสอบถามดูให้ดีๆ”
“ลูกข้า เจ้ายังมีชีวิตอยู่!”
ชั่วขณะนั้น ห้วงอวกาศในแถบนี้พลันคึกคักขึ้นมา
เหล่าอริยะมรรคาสวรรค์ก็ตามมาด้วย มาต้อนรับพวกหานอวี้
เมื่อทราบว่าดวงจิตบรรพกาลสิ้นชีพแล้ว พวกเต้าจื้อจุนปรีดาอย่างยิ่ง
“ฮ่าๆๆๆ สมเป็นท่านอาจารย์ของข้า!”
จ้าวเซวียนหยวนหัวเราะดังลั่น ดึงดูดสายตายำเกรงและตื้นตันให้มองเข้ามา ที่แท้คนผู้นี้คือศิษย์ของอริยะสวรรค์เกรียงไกร
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นับว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรมีพระคุณช่วยชีวิตอริยะสวรรค์นับล้านไว้ ชื่อเสียงของเขาเกรียงไกรไปทั่วฟ้าบุพกาลไร้ผู้ใดเทียบเคียงได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...