บทที่ 983 อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคของเทวาที่หนึ่ง
การมาถึงของหงจวินไม่ส่งผลกระทบต่อการฝึกบำเพ็ญของหานเจวี๋ยเลย เขาเข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง
ตอนนี้เขามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือผู้สร้างมรรคา
อีกด้านหนึ่ง
หลิวเป้ยกำลังเทศนาธรรมแก่หงจวิน
ถึงแม้จักรวาลโลกดาราจะวิวัฒนาการให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต และเขาก็เคยรับศิษย์มาก่อน แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นถึงแม้จะมีสติปัญญา ทว่าไร้ประสบการณ์ สุดท้ายก็ไม่สามารถข้ามพ้นธรณีประตูของการทำความเข้าใจมรรควิถีได้
แต่หงจวินกลับต่างออกไป เขาท่องอยู่ในฟ้าบุพกาลมานานหลายหมื่นปี อุดมด้วยประสบการณ์ หลังจากได้กราบผู้ทรงพลังเป็นอาจารย์ ยามสดับธรรมก็จริงจังยิ่ง ไม่กล้าวอกแวกเลย
ทัศนคติในการแสวงหามรรคาของเขาทำให้หลิวเป้ยพอใจยิ่ง ในที่สุดก็ได้สัมผัสถึงความรู้สึกของการเป็นอาจารย์
ไม่แปลกเลยที่นายท่านจะชอบรับศิษย์ขนาดนั้น
หลิวเป้ยมองใบหน้าหล่อเหลาของหงจวิน รำพันอยู่ในใจว่า
‘น่าเสียดาย หากได้พบกันตั้งแต่หลายล้านปีก่อน ข้าคงชุบเลี้ยงเขาให้เข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาลไปแล้ว’
หลิวเป้ยพลันนึกเสียดายขึ้นมา
เขาตรวจสอบคุณสมบัติของหงจวินดูแล้ว นับว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์แน่นอน
หากว่าสร้างชื่อเสียงขึ้นในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลได้ เช่นนั้นเขาก็จะพลอยได้หน้ายิ่งนัก
แค่คิดหลิวเป้ยก็ยิ้มออกแล้ว
….
ห้าแสนปีต่อมา
หานเจวี๋ยอายุครบสิบสามล้านปีแล้ว อย่าว่าแต่มรรคาสวรรค์เลย แม้แต่ฟ้าบุพกาลก็ปรับโฉมใหม่หมดแล้ว
หานเจวี๋ยกวาดตามองออกไป ห้วงอวกาศในละแวกฟ้าบุพกาลทุกแห่งหนเต็มไปด้วยเมืองและเกาะลอยฟ้ารวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ในอาณาเขตอื่นก็เป็นเช่นนี้ ด้วยการควบคุมดูแลของดวงจิตมหามรรค ฟ้าบุพกาลนับว่าสงบสุขดี ดูเหมือนศึกใหญ่ระหว่างกลุ่มอิทธิพลมิ่งและโลกอริยะไตรวิสุทธิ์จะไม่มีผลต่อฟ้าบุพกาลเลย
หานเจวี๋ยประเมินดูแล้วพบว่าจำนวนสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลเพิ่มขึ้นมานับร้อยเท่า
มีอริยะมหามรรคถือกำเนิดขึ้นแทบจะทุกหมื่นปี ส่วนอริยะเสรียิ่งมีมากกว่า
กระแสของงานชุมนุมฟ้าบุลพกาลยิ่งพุ่งกระฉูดถึงขีดสุด ทุกอาณาเขตฟ้าบุพกาลต่างมีชื่อเสียงของบุตรแห่งสวรรค์มากมายแพร่กระจายไป นี่คือยุคสมัยของบุตรแห่งสวรรค์ ส่วนอริยะสวรรค์เกรียงไกรกลายเป็นตำนานเล่าขานเก่าแก่ไปแล้ว ตามปกติมีสิ่งมีชีวิตเอ่ยถึงน้อยยิ่งนัก
งานชุมนุมฟ้าบุพกาลยังไม่ทันเปิดฉากขึ้น ในฟ้าบุพกาลก็มีการจัดลำดับของบุตรแห่งสวรรค์ในแต่ละเขต ส่วนหานฮวงนับว่ากลายเป็นตำนานไปแล้ว ถูกชื่อเสียงของบุตรแห่งสวรรค์รุ่นใหม่ๆ กลบทับแทนที่ ยกตัวอย่างเช่นที่วังสวรรค์ ผู้ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นที่สุดคือจ้าวซวงเฉวียนและชิงเทียนเสวียนจี ถูกขนานนามให้เป็นคู่บุตรแห่งสวรรค์ของวังสวรรค์
เมื่อจำนวนบุตรแห่งสวรรค์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าบุพกาลก็ครึกครื้นอย่างยิ่ง แม้แต่ที่ประตูมหามรรคก็มีอริยะมหามรรคมาชุมนุมกันบ่อยๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของบุตรแห่งสวรรค์
ส่วนที่ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล เทพมหาทัณฑ์จัดการสร้างเมืองทศพิธขึ้นเรียบร้อยแล้ว ข่าวก็แพร่ออกไปแล้วเช่นกัน กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในฟ้าบุพกาลล้วนทราบดีว่างานชุมนุมฟ้าบุพกาลจะจัดขึ้นที่ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลคึกคักขึ้นมา
ในขณะที่หานเจวี๋ยกำลังสอดส่องฟ้าบุพกาลอยู่ อีกด้านหนึ่ง ณ โลกมหามรรคอวิชชา
รัศมีของพวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่เจิดจ้าดั่งสายรุ้ง ก่อตัวเป็นเสาพลังปราณน่าหวาดหวั่นสี่สายเชื่อมขึ้นสู่นภา เส้นผ่าน ศูนย์กลางขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูราวกับจะแบ่งแยกท้องนภาทั้งผืน
ทั้งสี่คนนั่งอยู่ห่างไกลกันยิ่งนัก ตาน้ำพุในบริเวณใกล้เคียงล้วนถูกสูบจนแห้ง เหลืออยู่เพียงแอ่งเปล่ามากมายที่มีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
จ้าวเซวียนหยวนลืมตาขึ้น มองไปยังเพื่อนร่วมกลุ่มอีกสามคน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่น้องเอ๋ย ข้ารู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาก ไร้พ่ายในหมู่อริยะมหามรรคแล้ว”
เจียงอี้แค่นเสียง “เช่นนั้นเจ้าสู้ข้าได้หรือไม่”
“ประลองกันดูไหมเล่า”
“เข้ามาเลย! ดูสิว่าใครจะต้องกลัวใคร!”
ทั้งสองลุกขึ้นยืน เตรียมจะต่อสู้กันยกใหญ่
เต้าจื้อจุนลืมตาขึ้น เอ่ยเสียงขรึม “จะต่อสู้อะไรกัน ฝึกบำเพ็ญให้ดีเถิด รอจนงานชุมนุมฟ้าบุพกาลเปิดฉากขึ้น พวกเจ้าก็มีโอกาสได้สู้แล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...