บทที่ 989 อู๋เซียงเทียนเซี่ย
“หานฮวงร้ายกาจจริงๆ แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้าก็แข็งแกร่งขึ้นมากเช่นกัน ทุกท่าน มาถึงงานชุมนุมฟ้าบุพกาลแล้วในการแข่งขันข้าจะไม่ไว้ไมตรีแน่นอน พอถึงเวลานั้นหากพวกเจ้าเผชิญหน้ากับข้าให้ร้องขอความเมตตาจะดีที่สุด!”
กวนปู้ไป้เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยิ่งผยอง ทำให้ทุกคนกลอกตาใส่
ไก่คุกรัตติกาลมองไปที่หานมิ่งพลางเอ่ยถาม “แล้วเจ้าล่ะ มีเป้าหมายใด หลายปีมานี้ไปอยู่ไหนมา”
หานมิ่งกลายเป็นคนนิ่งเงียบสุขุม ไม่ได้มีความแค้นบาดหมางยิ่งใหญ่เช่นในกาลก่อนแล้ว เขายิ้มจางๆ เอ่ยตอบว่า “ข้าเพียงมาร่วมสนุกด้วยเท่านั้น”
ทุกคนพูดคุยยิ้มหัว ไม่ได้คิดมากเกินไป ถึงอย่างไรตอนอยู่ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองหานมิ่งก็ทำตัวสงบเสงี่ยมมาตลอด
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เบะปากเอ่ยไปว่า “เหตุใดศิษย์น้องหานถึงไม่มาอยู่ร่วมกับพวกเราเล่า”
เซียนซีเสวียนดึงตัวนางพลางเอ่ยว่า “พูดอะไรออกมา เขาเป็นถึงอริยะสวรรค์เกรียงไกรแล้ว ตอนนี้ย่อมไม่อาจมาอยู่ร่วมกับพวกเราได้ น่าจะกำลังวางแผนเรื่องจัดงานชุมนุมฟ้าบุพกาลกับคนอื่นๆอยู่”
ถูหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง อาจารย์ต้องยุ่งอยู่เป็นแน่ คาดว่าคงมีผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่ต่อแถวรอเข้าคารวะเขาอยู่”
คนที่เหลือก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน งานชุมนุมฟ้าบุพกาลมีอิทธิพลถึงขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิทธิพลของอริยะสวรรค์เกรียงไกรด้วย สุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาลนับว่ามีแรงดึงดูดต่อเหล่าบุตรแห่งสวรรค์อย่างยิ่ง
หากมิใช่งานชุมนุมที่จัดขึ้นโดยสุดยอดผู้แข็งแกร่ง ในใจของเหล่าบุตรแห่งสวรรค์คงจะดูแคลนอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
ไม่นานนัก โจวฝานก็พาบุตรชายของตนและโม่ฟู่โฉวมาถึง แต่ไม่รู้ว่าสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไปไหน
“โจวฝาน เจ้าลูกหมาของข้าล่ะ”
ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยถาม น้ำเสียงไม่สบอารมณ์
โจวฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาไปรับคนอื่นแล้ว หลงเฮ่าก็มาถึงแล้ว แต่หลงเฮ่าไม่มีชื่อเสียง เจ้าหน้าที่รักษาการณ์จึงไม่ได้ประกาศนาม ฮ่าๆ”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์จ้องมองโม่ฟู่โฉว เอ่ยด้วยความตกใจ “ศิษย์พี่โม่! เหตุใดท่านยังมีชีวิตอยู่เล่า”
โม่ฟู่โฉวได้พบฉางเยวี่ยเอ๋อร์และเซียนซีเสวียนก็ตะลึงงันไป ความรู้สึกที่ว่าข้าวของคงเดิมผู้คนเปลี่ยนแปลงถาโถมขึ้นมาในจิตใจ
สหายเก่ากลับมาพบกันย่อมมีเรื่องให้สนทนามากมาย
ทุกคนกระจายตัวเป็นกลุ่มๆ คุยกันกลุ่มใครกลุ่มมัน ถึงแม้จะอยู่สำนักเดียวกันแต่ความสนิทสนมใกล้ชิดก็มีแบ่งแยกแตกต่างกันไปในแต่ละคน
อีกด้านหนึ่ง
หานเจวี๋ยไม่ได้ยุ่งอะไรเลย แต่กำลังพาลูกเมียเดินเล่นอยู่ในเมือง ไม่ได้เปิดเผยฐานะตัวตน
ระเบียบกฎเกณฑ์ของเมืองทศพิธยอดเยี่ยมมาก ไม่มีการกดขี่ข่มเหง มีร้านรวงและแผงลอยมากมายหลายหลาก หากไม่ใช่เพราะรับรู้ถึงตบะของคนที่เดินผ่านไปมาได้ หานเจวี๋ยคงนึกว่าตนกลับไปอยู่ในโลกมนุษย์
ของที่ขายอยู่ในร้านรวงของที่นี่ล้วนเป็นอุปกรณ์เซียน อุปกรณ์อริยะ ถึงขั้นที่มีคนขายสมบัติวิญญาณฟ้าบุพกาลด้วย นี่คือสมบัติที่เหล่าอริยะมหามรรคล้วนใช้งานได้
สิงหงเสวียน เซวียนฉิงจวิน ชิงหลวนเอ๋อร์ ลี่เหยา อู้เต้าเจี้ยน หานชิงเอ๋อร์และหานหลิงรายล้อมอยู่รอบตัวหานเจวี๋ย ดึงดูดสายตาได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่นับว่าแปลกอันใด มีผู้ทรงพลังมากมายที่เป็นเช่นนี้
หานชิงเอ๋อร์ร่าเริงอย่างยิ่ง จูงอู้เต้าเจี้ยนวิ่งกระโดดโลดเต้น ไม่มีมาดของยอดฝีมือเลยสักนิด
สตรีที่เหลือเดินเล่นพลางพูดคุยกันไปด้วย กลับเป็นหานหลิงที่เดินตามหลังหานเจวี๋ย คอยตามติดทุกฝีก้าว
“เทวทัณฑ์หานทั่วมาถึงแล้ว!”
“เทวทัณฑ์อี๋เทียนมาถึงแล้ว!”
“เทวทัณฑ์ชื่อฝามาถึงแล้ว!”
….
เวลานี้เอง เสียงของเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาภายในเมือง
ดวงตาชิงหลวนเอ๋อร์เปล่งประกาย มองไปที่หานเจวี๋ยพร้อมเอ่ยว่า “ทั่วเอ๋อร์มาแล้ว”
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ เอ่ยว่า “ยังมีโอกาสให้พบเขาในภายหลังอยู่”
ชิงหลวนเอ๋อร์พยักหน้ารับ
หานชิงเอ๋อร์กล่าวว่า “อย่าห่วงพี่ใหญ่ไปเลย เขามีเหล่าพี่น้องอยู่ด้วยก็เพียงพอแล้ว”
นางดูประชดประชันยิ่งนัก คาดว่าก่อนหน้านี้คงเคยเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
งานชุมนุมฟ้าบุพกาลใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ในปีที่งานจะจัดขึ้น หานเจวี๋ยพาบุตรีทั้งสองจากไป ส่วนพวกสิงหงเสวียนก็ไปรวมตัวกับเหล่าศิษย์สืบทอดของสำนักซ่อนเร้น เมื่อถึงเวลาจะไปชมการต่อสู้ด้วยกัน
เดิมทีหานเจวี๋ยคิดจะพาแค่หานหลิงมาทำธุระด้วย แต่หานชิงเอ๋อร์กระตือรือร้นเกินไป เขาไม่สะดวกจะขับไล่ไปจึงต้องพามาด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...