ไม่นาน ก็ถึงเวลาเลิกงาน
มายมิ้นท์จัดการเอกสารฉบับสุดท้ายเสร็จ ก็บิดขี้เกียจขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วประตูห้องทำงานก็ถูกคนเคาะดังขึ้นมา
เธอนึกว่าเป็นผู้ช่วยหรือว่าเลขาบางคนของตัวเอง จึงรีบนั่งตัวตรงขึ้นมา แล้วจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย ถึงได้ตอบกลับไปทางประตูขึ้นว่า “เชิญเข้ามา”
เสียงเคาะประตูหยุดลง วินาทีต่อมา ประตูก็เปิดออก
สิ่งที่เกินความคาดหมายคือ คนที่เข้ามาไม่ใช่ผู้ช่วยของเธอหรือว่าเลขา แต่กลับเป็นผู้ชายที่นามสกุลนวบดินทร์บางคน
“เลิกงานหรือยัง?” เปปเปอร์เดินเข้ามา จ้องมองไปที่หญิงสาวที่อยู่หลังโต๊ะทำงาน แล้วคลี่ยิ้มออกแล้วถามเสียงเบาขึ้นมา
“คุณมาได้ยังไงคะ?” พอมายมิ้นท์เห็นเขา ก็รีบลุกขึ้นมา บนใบหน้ามีแววดีใจอย่างปิดบังไม่อยู่
พอเห็นแบบนี้ เปปเปอร์ก็ก้าวขาเรียวยาวไปทางเธอ “ผมมารับคุณเลิกงาน”
“จะไปกันได้หรือยัง?” เปปเปอร์เหล่ตามองโต๊ะทำงานข้าง ๆ เธอทีหนึ่ง แล้วยื่นมือไปให้เธอ
ตอนนี้โต๊ะทำงานจัดเก็บไปจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ว่าแล้ว มายมิ้นท์ก็คว้ามือของเขาไว้ “ไปกันเถอะ”
เปปเปอร์คว้ากระเป๋าที่อยู่ในมือเธอมาด้วย แล้วก็จูงมือเธอขึ้นมาด้วย แล้วพาเธอเดินไปทางประตูห้องทำงาน
แผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินออกมาจากห้องทำงาน แล้วเดินไปทางลิฟต์ แน่นอนว่าถูกเลขาและผู้ช่วยบางส่วนมองเห็นเข้าแล้ว
ความรู้สึกระหว่างประธานใหญ่กับประธานเปปเปอร์ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหนียวหนึบมากยิ่งขึ้นแล้ว
ตอนกลางวันแสดงความรักในโซเชียลไปรอบหนึ่ง ทำให้คนหวานเลี่ยนจนฟันจะหลุดออกหมดแล้ว
ตอนนี้เลิกงานแล้ว ยังมาสาดความหวานใส่พวกเขาที่นี่อีกรอบหนึ่งอีก
นี่มันเป็นเรื่องที่มนุษย์เขาทำกันเหรอ?
ไม่นาน ลิฟต์ก็มาถึง
ก่อนที่มายมิ้นท์จะเดินเข้าลิฟต์ไป ยังรู้ว่าพวกเลขาและผู้ช่วยทุกคนต่างก็มองพวกเขามาจากประตูห้องทำงาน
ด้วยเหตุนี้ เธอยังตั้งใจหันหน้ากลับไป แล้วยิ้มและพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย พอทักทายกันแล้ว ถึงได้เดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับเปปเปอร์
“คืนนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน” เปปเปอร์เชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วแสดงเจตนารมณ์ออกมา “จากนั้นพวกเราค่อยไปโรงแรมกัน”
พอมายมิ้นท์รับรู้ ก็นึกถึงเวยป๋อที่ตัวเองโพสต์ไป แล้วก็กะพริบตาขึ้นเล็กน้อย “คุณมันหน้าไม่อาย”
พอคำพูดจบลง อยู่ ๆ ลิฟต์ก็หยุดกะทันหัน จากนั้นก็มีเสียงเปิดประตูดังติ๊งขึ้นมาทีหนึ่ง
ด้านนอก พอเตชิตเห็นทั้งสองคน ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ในดวงตามีแววตกตะลึงปิดบังไว้ไม่หยุด
เห็นได้ชัดเลยว่าคาดคิดไม่ถึง ว่าในลิฟต์จะเป็นมายมิ้นท์กับเปปเปอร์
แล้วตัวเองก็มาบังเอิญขนาดนี้ มาพบเจอเข้า
มายมิ้นท์เองก็คิดไม่ถึง ว่าคนที่อยู่ข้างนอกจะเป็นเตชิตไปได้ แล้วก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเช่นกัน แต่ไม่นานก็ตั้งสติกลับมาได้ แล้วก็พยักหน้าให้เตชิตอย่างเรียบเฉยไปทีหนึ่ง “ประธานเตชิต คุณก็เลิกงานแล้วเหรอคะ?”
เตชิตเองก็ตั้งสติกลับมาได้แล้ว แล้วคลี่ยิ้มที่ดูเป็นมิตรออกมาเสี้ยวหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง จนทำให้มายมิ้นท์เห็นแล้วตกตะลึงไปเลย
แต่ว่าไม่นานพอมาลองคิดดู ก็รู้แล้วว่าเพราะสาเหตุอะไร
คงจะเป็นเพราะว่าเห็นเปปเปอร์อยู่ข้างกายเธอละมั้ง เพราะฉะนั้น ถึงได้ไม่มีท่าทีที่โหดเหี้ยมแปลก ๆ อย่างตอนที่เจอกับเธอในเวลาปกติ
“ก็ใช่น่ะซิ นี่หลานมายมิ้นท์ก็เลิกงานแล้วเหมือนกันเหรอ? แล้วก็ประธานเปปเปอร์ด้วย” เตชิตตอบกลับไปด้วย แล้วก็จ้องมองไปที่ชายหนุ่มสูงใหญ่ที่อยู่ข้างกายมายมิ้นท์ไปด้วย “นี่ประธานเปปเปอร์มารับหลานมายมิ้นท์เลิกงานเหรอครับ?”
เปปเปอร์เหล่ตามองเตชิตด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง แล้วก็ไม่มีอารมณ์ไปสนใจอีก
สายตาของเตชิตเป็นประกายขึ้นมาทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โกรธ แล้วก็เดินเข้ามาในลิฟต์เลย
พอเขาเข้ามาแล้วประตูลิฟต์ก็ค่อย ๆ ปิดตามหลังไป
ใบหน้าหล่อเหลาของเปปเปอร์มืดมนจนดูแย่มาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...