พอได้ยินเสียงมายมิ้นท์ถาม เลขาซินดี้ก็เอามือลงจากที่จับประตู “ฉันไปโรงพยาบาลมาแล้วค่ะ แต่ก็กลับมากลางคันซะก่อนค่ะ”
“กลับมากลางคันเหรอ?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้น “หมายความว่ายังไง คุณไม่ไปผ่าตัดแล้วเหรอ?”
“ค่ะ” เลขาซินดี้พยักหน้าขึ้นเล็กน้อย
“ทำไมล่ะ?” มายมิ้นท์ตกตะลึงมากขึ้นไปอีก “หรือจะบอกว่า ก่อนที่คุณจะเข้าห้องผ่าตัด อยู่ ๆ ก็เสียใจขึ้นมาเหรอ?”
ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้เหมือนกัน
ผู้หญิงมากมายที่เลือกที่จะเอาเด็กออก ล้วนเป็นความคิดชั่ววูบทั้งนั้น ในวินาทีที่จะเอาออกจริง ๆ นั้น คนที่เกิดเสียใจขึ้นมากะทันหันก็มีมากมาย
ดังนั้นถ้าอยู่ ๆ เลขาซินดี้เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน
แต่ว่าเลขาซินดี้กลับส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้จะเปลี่ยนใจ แต่ว่า……ฉันทำการผ่าตัดวันนี้ไม่ได้ค่ะ”
“หมายความว่ายังไง?” มายมิ้นท์รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก แล้วก็เดินไปลากตัวเลขาซินดี้มาที่โซฟา แล้วให้เธอนั่งลง
เพราะว่าเป็นคนท้อง ยืนนาน ๆ ไปก็จะปวดหลังปวดเอวได้
เลขาซินดี้เองก็ยิ้มอย่างซาบซึ้งให้กับมายมิ้นท์ทีหนึ่ง แล้วถึงตอบคำถามของเธอ “วันนี้ฉันไปโรงพยาบาล ในตอนที่เตรียมจะไปผ่าตัดนั้น ฉันก็พบเห็นคุณนายราศรีเข้า”
“คุณป้าเหรอ?” มายมิ้นท์นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง
เลขาซินดี้กัดริมฝีปากเล็กน้อย “ค่ะ”
“คุณป้าเป็นอะไรเหรอ?” มายมิ้นท์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ไม่สบายหรือเปล่า?”
แต่ว่านี่คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง
เมื่อคืนคุณป้ายังดี ๆ อยู่เลย!
และแล้ว เลขาซินดี้ก็ส่ายหน้าขึ้นมาทีหนึ่ง “เปล่าค่ะ คุณนายราศรีไม่ได้ป่วย เธอแค่ไปตรวจร่างกายตามปกติค่ะ”
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง” พอได้ยินคำพูดนี้ ใจของมายมิ้นท์ก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่งทันที
ไม่ได้ป่วยก็ดีแล้ว
เมื่อกี้เธอเป็นกังวลมากจริง ๆ
ตบหน้าอกไปเล็กน้อย แล้วความตื่นเต้นในใจมายมิ้นท์ก็ผ่อนคลายลง แล้วจ้องมองไปที่เลขาซินดี้แล้วถามขึ้นว่า “เพราะฉะนั้น พอคุณเจอคุณป้าที่โรงพยาบาลแล้ว ก็เลยยกเลิกการผ่าตัดไปกะทันหัน เพราะกลัวว่าคุณป้าจะรู้ว่าคุณตั้งท้องเหรอ?”
เลขาซินดี้จ้องมองเธอ แล้วก็พยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ค่ะ ประธานใหญ่ก็รู้ ว่าฉันเป็นเพื่อนตอนเรียนมหาลัยกับประธานลาเต้ พอเรียนจบแล้ว ฉันก็ไปเป็นเลขาอยู่ข้างกายประธานลาเต้อีก พอเป็นก็เป็นมาหลายปีเลย ดังนั้น คุณนายราศรีจึงรู้จักฉันดี เมื่อก่อนตอนคุณนายราศรีแวะเวียนมาเยี่ยมที่ห้องทำงานประธานลาเต้ ก็มักจะเอาพวกขนมที่ทำเองกับมืออะไรแบบนั้นมาฝากฉันด้วย ดังนั้นพอนาน ๆ ไป ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณนายราศรีจึงสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก แถมบางครั้งตอนที่ประธานลาเต้ไม่อยู่ ฉันก็เป็นคนเดินเที่ยวช้อปปิ้งและกินข้าวเป็นเพื่อนคุณนายราศรีด้วย สามารถพูดได้ว่า คุณนายราศรีได้คิดว่าฉันเป็นเพื่อนของเธอไปแล้ว ถ้าเกิดเธอรู้เข้าว่าวันนี้ฉันจะไปทำการผ่าตัดเกี่ยวกับอะไร ก็จะต้องแปลกใจแน่ ๆ ว่าฉันท้องกับใคร และถึงแม้ว่าฉันจะโกหกไม่ยอมบอกความจริงกับเธอ แต่เธอกลับไปแล้วก็ต้องเอาเรื่องที่ฉันท้องไปเป็นเรื่องสนุกปากบอกให้ประธานลาเต้ฟังแน่ แล้วประธานลาเต้ก็จะรู้เรื่อง ว่าฉันตั้งท้องแล้ว และก็เป็นลูกของเขาด้วย”
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วพยักหน้าขึ้น “มีโอกาสเป็นแบบนั้นจริง ๆ ในเมื่อที่ผ่านมาคุณเคยเป็นเลขาของเต้ ถ้าคุณป้ารู้ว่าคุณตั้งท้อง จะต้องไปพูดกับเต้แน่ ๆ”
“เพราะฉะนั้น พอฉันแยกกับคุณนายราศรีแล้ว ก็รีบเลื่อนวันผ่าตัดกับทางโรงพยาบาลไปก่อน” เลขาซินดี้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาอย่างขมขื่น
มายมิ้นท์จ้องมองเธอ “คุณป้าไม่ได้สงสัยว่าคุณตั้งท้องใช่ไหม?”
เลขาซินดี้สะบัดมือเล็กน้อย “ไม่ค่ะ คุณนายราศรีถามฉันว่าป่วยเป็นโรคอะไรจริง ๆ ค่ะ แล้วฉันบอกเธอไปว่า กระดูกต้นคอฉันมีปัญหานิดหน่อย โชคดีที่คนอย่างพวกเราที่นั่งทำงานอยู่ในสำนักงานมานานปีแบบนี้ ยังไงกระดูกต้นคอก็ต้องมีปัญหาอยู่บ้าง ดังนั้นคุณนายราศรีก็เลยไม่ได้สงสัยอะไร แล้วก็เชื่อฉันเลยค่ะ แถมยังกำชับฉันว่าต้องซื้อเครื่องนวดอะไรมาบ้าง มานวดคอให้ตัวเองสักหน่อย”
“คุณป้าเป็นคนที่มากจริง ๆ” มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
เลขาซินดี้เองก็คลี่ยิ้มมุมปากขึ้นมาทีหนึ่ง “ใช่ค่ะ คุณนายราศรีเป็นคนที่ดีมากจริง ๆ”
ถ้าได้เป็นลูกสะใภ้ของคุณนายราศรี คาดว่าคงจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ
คุณนายราศรีเป็นคนมีเมตตา จะต้องไม่ใช้แม่สามีจอมโหดที่ทรมานลูกสะใภ้แน่ ๆ
ในทางกลับกัน ก็ยังจะมีความสัมพันธ์เหมือนเป็นแม่ลูกกับลูกสะใภ้ด้วย
แต่น่าเสียดาย เธอไม่มีวาสนาที่จะได้เป็นลูกสะใภ้คุณนายราศรี
พอมองออกว่าเลขาซินดี้มีอารมณ์เศร้าสร้อยอยู่เล็กน้อย มายมิ้นท์ก็ยื่นมือไปตบไหล่เธอเบา ๆ แล้วพูดปลอบใจขึ้นว่า “เอาล่ะ อย่าคิดมากไปเลย วันนี้ก็ไม่ได้คิดไว้ว่าจะได้เจอคุณป้า การผ่าตัดทำไม่สำเร็จก็ช่างเถอะ คุณปรับสภาพจิตใจตัวเองให้ดีก่อน ไว้คราวหน้าค่อยไปทำใหม่ก็ได้แล้ว”
พอพูดจบแล้ว เธอก็ชี้ไปที่โต๊ะรับแขกตรงหน้า “โน่น อยู่ตรงนั้นหมดเลย มาช่วยฉันแกะหน่อยเร็ว”
“มันคงจะไม่ดีมั้งคะ” เลขาซินดี้รีบส่ายหน้าโบกไม้โบกมือขึ้นมา “นี่เป็นของขวัญที่ประธานเปปเปอร์มอบให้คุณ ฉันจะมาช่วยคุณแกะได้ยังไงคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ของขวัญเท่านั้น คุณก็ถือซะว่ามือสองข้างของฉันแกะไม้ไหวก็แล้วกัน” มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
มุมปากเลขาซินดี้กระตุกขึ้นเล็กน้อย “ประธานใหญ่คะ คำพูดของคุณนี่จอมปลอมจริง ๆ เลยนะคะ ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากมีของขวัญที่แกะไม่ไหวบ้างเหมือนกัน”
“ต้องมีแน่” มายมิ้นท์จ้องมองไปที่เธอ “เลขาซินดี้ของเราเป็นคนดีซะขนาดนี้ จะต้องมีวันนั้นแน่นอน”
“งั้นก็ต้องขอบคุณคำพูดมงคลของประธานใหญ่แล้ว” เลขาซินดี้กลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง
มายมิ้นท์ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่แค่ผลัดกล่องของขวัญอันหนึ่งออกไป ให้เธอช่วยแกะ
เลขาซินดี้เองก็บิดพลิ้วอีก แล้วก็เริ่มช่วยแกะของขวัญขึ้นมา
ถึงแม้ว่าของขวัญจะไม่ได้เป็นของเธอ แต่ว่าความสุขของการแกะของขวัญแบบนี้ เธอก็ยังสามารถรับรู้ได้อยู่
โดยเฉพาะตอนที่แกะกล่องออกแล้วเห็นของขวัญจริง ๆ ที่อยู่ในนั้น ความอิ่มเอมใจในวินาทีนั้น ไม่มีทางใช้คำพูดมาบรรยายได้เลย
ไม่นาน พวกกล่องของขวัญก็ถูกทั้งสองคนแกะหมดแล้ว
พอมองเห็นข้าวของหรูหราต่าง ๆ นานา มายมิ้นท์ยังดี ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากมาย ในเมื่อเธอรู้ว่าข้างในเป็นอะไรมาตั้งนานแล้ว
แน่นอนว่า ถึงแม้บนใบหน้าจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรมาก แต่ในใจก็ยังรู้สึกดีใจอยู่
เพราะว่านี่เป็นของที่เปปเปอร์มอบให้
แต่สำหรับเลขาซินดี้นั้น ก็ต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างแล้ว
จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ เลขาซินดี้ถึงจะตั้งสติกลับมาได้ แล้วก็ชี้ไปที่พวกของขวัญที่อยู่บนโต๊ะรับแขก แล้วกลืนน้ำลายลงไปและพูดขึ้นว่า “ประธานใหญ่คะ ประธานเปปเปอร์นี่ช่างรู้จักเอาใจผู้หญิงเกินไปแล้วมั้งคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...