เธอไม่ได้บอกแม่ ว่ายศพัฒน์เล็งเธอไว้นานแล้ว
ทั้งชีวิตนี้ เดาว่าเธอก็คงต้องเป็นภรรยาของยศพัฒน์เพียงคนเดียวแล้ว คนอื่นๆต้องการจะแปดเปื้อนเธอ ก็มีแต่ต้องข้ามศพเขาไปก่อน
“แม่ หนูกับพัฒน์ก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ถ้าหากว่าในอนาคตเราสองคนไปต่อด้วยกันไม่ได้แล้วจริงๆ แม้ต้องหย่าร้างหนูก็ยอม นี่คือเส้นทางที่หนูเลือกเอง หนูรับได้กับผลที่ตามมา”
“ตราบใดที่เขาไม่ไปจากหนู หนูก็จะไม่ไปจากเขา และจะไม่ทิ้งเขาไป”
“ส่วนเรื่องอิสระอะไรนั่น หนูก็จะไม่ยอมทิ้งอิสระเพื่อเขาเหมือนกัน เชื่อว่าเขาเองก็ไม่มีทางบังคับให้หนูอยู่บ้านเป็นคุณนายน้อยหรอก” เทวิกาเชื่อใจยศพัฒน์มากๆ
นอกจากที่เขาเคยปิดบังตัวตนกับเธอ แอบหนีออกมาไล่พวกศัตรูหัวใจของเขา ทำให้ท้ายที่สุดเธอก็ตกหลุมรักเขา ก็ไม่มีจุดด่างพร้อยอะไรอีกแล้ว
ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ยอมเสียเวลาสิบเอ็ดปีเพื่อรอเธอเติบโต เทวิกาเชื่อว่ายศพัฒน์คู่ควรให้เธอฝากฝังชีวิตของเธอไว้กับเขา
พิชญ์สินีมองลูกสาวที่ตัวเองรักและเลี้ยงดูจนโต ในใจก็ยังคงรู้สึกอาลัยอาวรณ์มากๆ
เลี้ยงลูกสาวก็เหมือนปลูกดอกไม้ ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช และทะนุถนอมอย่างใส่ใจ กว่าจะเลี้ยงดูจนออกดอกก็ไม่ง่าย แต่ดันถูกลูกเขยยกไปทั้งกระถางเสียแล้ว
“ในเมื่อเธอคิดดีแล้ว งั้นแม่ก็จะไม่พูดเรื่องนี้อีก คราวหลังถ้าอยู่บ้านตระกูลอริยชัยกุลแล้วถูกกลั่นแกล้ง เธอก็กลับมาบอกแม่ซะ แม่ไม่มีเงินก็จริง แต่แม่มีมือมีเท้ามีปาก แม่จะไปด่าพวกเขาถึงที่เอง แม้จะต้องใช้กำลัง แม่ก็จะไม่ยอมให้พวกเขารังแกเธอ คิดว่าบ้านแม่เธอพึ่งพาไม่ได้”
“พี่เธอก็เคยโทรคุยกับแม่ เขาบอกว่าเขาจะพยายามให้มากขึ้น พยายามให้บ้านเราดีกว่านี้ แบบนี้ก็จะสามารถเป็นแบคหนุนหลังให้เธอได้”
“แม่”
เทวิการู้สึกซาบซึ้งใจ
นี่ก็คือครอบครัว
เพียงแค่เป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจ คนในครอบครัวก็จะเปลี่ยนจากคัดค้านเป็นสนับสนุนเธออย่างเต็มที่
“วิกา ยังมีอีกเรื่อง แม่จะบอกเธอทีเดียวเลยละกัน”
พิชญ์สินียื่นมือไปลูบหน้าของเทวิกาอย่างรักใคร่ แววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ “เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของแม่ แต่เป็นลูกที่เราเก็บมาเลี้ยง”
“ลูกสาวน่าสงสารที่อายุสั้นของฉัน ป่วยตายแล้ว......”
พิชญ์สินีตาแดงก่ำ
เรื่องมันผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว เมื่อนึกถึงเทวิกาตัวจริง เธอก็ยังคงรู้สึกปวดใจเหมือนถูกมีดแทง
สักพัก เธอเอ่ยต่อว่า “เพราะเธอกับลูกสาวแท้ๆของฉันอายุใกล้เคียงกัน หลังจากที่ลูกสาวแท้ๆฉันป่วยตาย ฉันก็เก็บเธอได้พอดี ก็เลยเลี้ยงดูเธอเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆของฉัน”
“ถ้าเธออยากจะไปหาพ่อแม่แท้ๆของเธอ กลับไปที่ข้างกายพวกเขา แม่ก็จะไม่ห้ามเธอ เธอฝันถึงเรื่องพวกนั้น ผู้หญิงบ้าที่เธอฝันถึง อาจจะเป็นแม่แท้ๆของเธอจริงๆก็ได้”
“แม่ไม่อยากปล่อยเธอไป แต่แม่ก็เป็นแม่คน เข้าใจความเจ็บปวดของแม่คนหนึ่งที่สูญเสียลูกไปได้ แม่คิดว่า แม่แท้ๆของเธอคงกลายเป็นบ้าเพราะเสียเธอไปนี่แหละ”
พิชญ์สินีพูดจบ ก็หันตัวเดินจากไป เธอกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้
เพราะเป็นเด็กที่เธอเลี้ยงดูมายี่สิบกว่าปี เมื่อจากเธอไปจริงๆ เธอเองก็รู้สึกเจ็บปวดทรมานใจ
“แม่”
เทวิกาโอบกอดแม่จากด้านหลัง
“หนูก็คือลูกสาวแท้ๆของแม่ ถึงแม้ในอนาคตหนูจะไปหาพ่อแม่แท้ๆของตัวเอง แต่หนูก็จะไม่ไปจากพ่อกับแม่ หนูหาพ่อแม่แท้ๆ ก็แค่อยากจะรู้ให้ชัดเจน ว่าหนูถูกทิ้งหรือถูกขโมยกันแน่”
พิชญ์สินีหันตัวไป เมื่อเห็นสีหน้าที่สงบนิ่งของเธอ ก็รู้แล้วว่าเธอฉลาดจนเดาผลลัพธ์ออกนานแล้ว เมื่อตอนที่เธอสารภาพความจริง ลูกสาวจึงเผยสีหน้าราบเรียบ ไม่มีแววตกตะลึงเลยแม่แต่น้อย
“วิกา.....”
“แม่ บุญคุณเลี้ยงดูยิ่งใหญ่กว่าบุญคุณเกิด พ่อกับแม่เป็นคนเลี้ยงดูหนูจนโต รักหนูเหมือนลูกสาวแท้ๆ หนูก็คือลูกสาวแท้ๆของพ่อกับแม่ อย่าผลักไสหนูไปเลยนะ”
หลังจากที่รู้แล้วว่าเธอถูกทิ้งหรือถูกขโมย เธอจึงจะค่อยจัดการกับความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อแม่แท้ๆ
หากเธอถูกทิ้ง งั้นเธอก็จะไม่ยอมรับพวกเขา ในเมื่อทิ้งเธอไปแล้ว ก็คือไม่ต้องการเธอ แล้วยังจะกลับไปหาพวกเขาอีกทำไมกันล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน