โรงแรมแอคเซสซ์เป็นทรัพย์สินของตระกูลเดชอุป และยังเป็นหนึ่งในโรงแรมหรูที่สุดในเมืองแอคเซสซ์อีกด้วย
นฤเบศวร์บอกว่าอยากจัดเลี้ยงต้อนรับให้เปรมา จึงเป็นธรรมดาที่จะอยู่ที่โรงแรมของพวกเขา
มันเป็นถิ่นของตัวเอง ทั้งฟรีทั้งอิสระ อยากทำอะไรก็ทำได้ตามต้องการ
เปรมาดื่มไวน์ไปสองสามแก้ว แล้วใบหน้าสวยก็แดงระเรื่อ เมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ ทำให้เผยเสน่ห์ของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่
ตั้งแต่วินาทีที่นฤเบศวร์เห็นเธอ สายตาก็แทบเอาแต่จับจ้องที่ตัวเธอ
“เปรมา คุณวางแผนจะอยู่ที่ไหน”
นฤเบศวร์เติมไวน์ให้เธออีกแก้ว และถามด้วยความเป็นห่วง “หรือไม่คุณมาอยู่บ้านผม บ้านผมใหญ่และมีหลายห้อง จะอยู่ห้องไหนก็ได้ที่คุณต้องการ คุณแม่ของผมชอบคุณมาก ถ้าคุณไปอยู่ที่นั่น คุณแม่ผมคงมีความสุขมาก”
แม่ของนฤเบศวร์กับแม่ของเปรมาเคยเป็นเพื่อนเล่นไพ่กัน จึงสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว
ที่นฤเบศวร์กับเปรมาได้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กคงต้องขอบคุณแม่ของทั้งคู่ที่ชอบเล่นไพ่
เปรมายกแก้วไวน์ขึ้นแล้วส่ายโคลงมัน มองดูไวน์วาดส่วนโค้งอันสวยงามในแก้วไวน์ขณะที่เธอโคลงมันไปมา
“เบศวร์ ขอบคุณสำหรับความกรุณา ครอบครัวเราก็มีบ้านอยู่ในเมืองแอคเซสซ์ เพราะทะเบียนบ้านของฉันอยู่ในเมืองแอคเซสซ์ เพราะงั้นตอนแรกฉันเลยไม่ได้ขายบ้าน หลายปีที่ผ่านมามีบางครั้งฉันก็กลับมา ส่วนใหญ่ที่บ้านมีป้าแม่บ้านคอยช่วยดูแลให้อยู่”
เปรมาปฏิเสธข้อเสนอของนฤเบศวร์
จุดประสงค์หลักในการกลับประเทศของเธอคือต้องการแต่งงานกับยศพัฒน์ เพื่อเป็นนายหญิงคนต่อไปของตระกูลอริยชัยกุล
แล้วจะเข้าไปอยู่ในตระกูลเดชอุปได้ยังไง
แถมนฤเบศวร์กับยศพัฒน์ก็เป็นศัตรูกันด้วย
ต่อให้ไม่ใช่ศัตรู คนอื่นจะคิดยังไงถ้าเธอเข้าไปอยู่ในตระกูลเดชอุป ยศพัฒน์จะต้องสงสัยว่าเธอกับนฤเบศวร์มีอะไรกันแน่นอน
เรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงตัวเองมัวหมอง เปรมาจะทำไปทำไม
นฤเบศวร์พูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ตอนคุณกลับมาในวันหยุดฤดูร้อนปีที่แล้ว ก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักตากอากาศทางตอนใต้ของตระกูลอริยชัยกุลตลอดจนกลับไปเลยนะ”
เปรมาหัวเราะ “บ้านพักตากอากาศของตระกูลอริยชัยกุลเป็นธุรกิจระหว่างประเทศ มีผู้คนมากมายที่ไปที่นั่นทุกวันหยุดฤดูร้อน ไม่ใช่ฉันคนเดียว”
“นฤเบศวร์ มาชนแก้วกันเถอะ”
นฤเบศวร์หยิบแก้วไวน์ขึ้นชนกับเธอ จากนั้นเขาจิบเบาๆ และมองดูเธอดื่มไวน์จนหมดแก้วด้วยสายตาชอบใจ
“นฤเบศวร์”
เปรมาวางแก้วไวน์ลง ยื่นมือไปจับมือนฤเบศวร์ มองหน้าเขาและพูดเกลี้ยกล่อม “คุณกับพัฒน์รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก บอกว่าเป็นเพื่อนโตมาด้วยกันก็ไม่เกินจริง ทำไมต้องทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายล่ะ ฉันเป็นเพื่อนสนิทของพวกคุณ การเป็นคนกลางมันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนะ”
นฤเบศวร์ก้มลงมองมือขาวเนียนสายดั่งหยกของเธอ
เธอจับมือเขาก่อน เขามีความสุขมาก
แต่คำพูดของเธอมันทำให้ความสุขของเขาลดลง
นฤเบศวร์ชักมือกลับและพูดอย่างเย็นชา “ทำไมคุณไม่ไปเกลี้ยกล่อมให้ยศพัฒน์เลิกเป็นศัตรูกับผมบ้างล่ะ เปรมา คุณลำเอียงเข้าข้างยศพัฒน์”
“ฉัน...ปฏิบัติต่อพวกคุณเท่าเทียมกันเสมอมานะ”
เปรมาไม่ยอมรับว่าตัวเองเข้าข้างยศพัฒน์
นฤเบศวร์มองเธอเงียบๆ อยู่นาน น้ำเสียงของเขาอิจฉาและมีความขุ่นเคืองเล็กน้อย “เปรมา ในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองแอคเซสซ์ ใครจะไม่รู้บ้างว่าคุณรักยศพัฒน์ แต่เขาล่ะ สิบปีก่อนเขาทำยังไงกับคุณ คุณลืมไปหมดแล้วเหรอ”
“สิบปีแล้วที่คุณต้องไปต่างแดน ใครเป็นต้นเหตุ คุณยังจะรักเขาอยู่อีกเหรอ”
ทันใดนั้นเขาก็จับมือเปรมาและออกแรงบีบแน่น มันทำให้เปรมารู้สึกไม่เต็มใจและโกรธเคือง
“เปรมา คุณกับผมรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นคู่รักวัยเด็กกันด้วย ผมไม่ได้แย่ไปกว่ายศพัฒน์ แต่คุณไม่เคยเห็นผมในสายตาเลย หลายปีที่ผ่านมาคุณไม่ได้รู้สึกถึงความรักที่ผมมีต่อคุณบ้างเลยเหรอ ผมรอคุณ รอคุณมาตลอด รอคุณตัดใจจากยศพัฒน์ รอคุณเต็มใจกลับมาประเทศบ้านเกิด”
“เปรมา ตัดใจจากยศพัฒน์ซะเถอะ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกอ่อนโยนสง่างาม ความจริงจิตใจแข็งกระด้าง คุณทำให้จิตใจที่เย็นชาของเขาสั่นไหวไม่ได้หรอก เขาจะไม่รักใครทั้งนั้น คุณมองเขามาหลายปี ข้างกายเขามีผู้หญิงสักคนเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน