“พี่ใหญ่ ผมยังอยากเดินทางไปทำงาน”
กษิดิพูดเสียงอ่อน
มิลินท์คือลูกสาวตระกูลศิริกรโสภณ เธอสนใจเกี่ยวกับการแต่งหน้ามาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นก็ไม่ได้รับช่วงต่อธุรกิจครอบครัว กลับกลายเป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ
ยศพัฒน์เคยบอกเทวิกาว่า ฝีมือการแต่งหน้าของมิลินท์ยอดเยี่ยมจนราวกับเปลี่ยนโฉมได้
ตระกูลศิริกรโสภณกับตระกูลอริยชัยกุลนั้นเป็นเพื่อนกันมาสามชั่วอายุคนแล้ว
ลูกหลานของทั้งสองตระกูลย่อมรู้จักกันตั้งแต่เด็ก กษิดิกับมิลินท์อายุใกล้เคียงกัน ทว่ากลับไม่ถูกกัน ตอนเด็กมักจะชอบตีกันบ่อยๆ พอโตขึ้นมาหน่อยก็ไม่ตีกันแล้ว แต่กลับแกล้งกันและต่างฝ่ายต่างไม่ชอบขี้หน้ากัน
วันนี้เธอขุดหลุมแกล้งฉัน พรุ่งนี้ฉันก็วางกับดักแกล้งเธอ เอาเป็นว่าหากใครสามารถทำให้อีกฝ่ายขายหน้าได้ งั้นคนนั้นก็คือผู้ชนะ
เมื่อโตขึ้น แม้จะเจอหน้ากันน้อยลง แต่ทุกครั้งที่เจอกัน ก็ไม่พ้นที่จะเถียงกันตลอด
เพียงแต่ ตอนที่หนิงหยู่เฉิงเจอปัญหา เธอก็มักจะชอบให้กษิดิช่วย
แม้กษิดิจะพูดจาเหน็บแนมและรังเกียจเธอสารพัด แต่ตอนวิ่งไปช่วยก็วิ่งเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย
ในสายตาของทุกคน ทั้งคู่ก็คือชายหญิงที่มีความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียด
กษิดิเป็นผู้ชาย ก็ย่อมมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้าง บางครั้ง เขาก็จะเป็นฝ่ายยอมมิลินท์
หากให้มิลินท์อาศัยอยู่ในบ้านสอง กษิดิก็จะไม่กล้ากลับบ้าน กลัวว่าจู่ ๆบนเตียงเขาจะมีแขนขาดหรือขาขาดโผล่มา และกลัวว่าตอนที่เปิดผ้าห่มออก จะเจอกับแมลงหลากหลายชนิดคลานไปมาบนเตียงเขา
แค่คิดภาพเขาก็ขนหัวลุกแล้ว
เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่มักกลัวสัตว์เล็กๆอย่างพวกแมลง
แต่มิลินท์นั้นตรงกันข้าม แม้แต่งูเธอก็ไม่กลัว
งูที่ไม่มีพิษ เธอก็จะจับมาเป็นของเล่นอีกด้วย เอาเป็นว่าตอนเด็กเธอเคยเลี้ยงงูไม่มีพิษเป็นสัตว์เลี้ยง หลังจากนั้นงูพวกนั้นทนทรมานจากเธอไม่ได้ ก็เลยหาโอกาสหนีไปแล้ว
เธอยังอยากจะเลี้ยงงูอีก แต่คนในบ้านคัดค้านกันอย่างเด็ดขาด เธอก็จึงจะยอมแพ้
จนถึงทุกวันนี้ เธอก็ยังคงพร่ำบ่นว่าของเล่นงูตอนเด็กของเธอสนุกขนาดไหน สามารถเอางูมาถักเปียได้ด้วย
เหล่างู: เคยคิดถึงความรู้สึกพวกเราบ้างหรือเปล่า? เราไม่มีศักดิ์ศรีกันเหรอ?
ได้ยินน้องชายพูดว่าอยากเดินทางไปทำงาน ยศพัฒน์ก็ยิ้มขำเสียงเบา เอ่ยว่า “นายเพิ่งเดินทางกลับมาเองไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเดินไปทางไปทำงานอีกหรอก”
ใจปลาซิวชะมัด ได้ยินชื่อของมิลินท์ก็อยากจะหนีไปทันที
กษิดิเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ผมไม่กลัวทำงานหนัก แม้จะให้ผมเดินทางไปทำงานทุกวันผมก็ยอม ไม่บ่นสักคำแน่นอน พี่ใหญ่ รีบคิดดูสิว่ามีบริษัทลูกที่ไหนเกิดเรื่องขึ้น และต้องการให้ผมไปจัดการ”
ยศพัฒน์ “......นายอยากให้บริษัทลูกเราเกิดเรื่องขึ้นเหรอ?”
“พี่ใหญ่ ผมไม่อยากอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับมิลินท์ ได้ไหม? คฤหัสถ์เมเปิลเราใหญ่ขนาดนี้ พี่ให้เธอไปอยู่ไหนก็ได้ แต่ห้ามอยู่บ้านผมเด็ดขาด ถ้ายัยนั่นเข้ามาอยู่ น้องชายพี่จะเหลือทางรอดอะไรอีก?”
“พี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สักหน่อยว่าผมกับหล่อนไม่ถูกกัน”
คนที่กษิดิกลัวที่สุดในชีวิตนี้มีสองคน คนหนึ่งคือพี่ใหญ่ ส่วนอีกคนก็คือมิลินท์
“ลินท์บอกแล้ว ว่าจะต้องไปพักที่บ้านนายเท่านั้น ไม่งั้นเธอก็จะไม่ยอมช่วย พี่คุยกับเธอไว้แล้ว อีกอย่างพี่เชิญเธอมาเป็นช่างแต่งหน้าให้พี่สะใภ้นายด้วย นายดูสิ พี่ตอบตกลงไปแล้ว จะให้พี่ผิดคำพูดก็ไม่ได้จริงไหม?”
กษิดิลอบด่าในใจ: รักษาคำพูดของพี่ก็คือทรยศน้องชายอย่างเขา
“พี่ใหญ่ พี่ควรบอกผมล่วงหน้า”
“ตอนนี้ฉันก็บอกกำลังนายล่วงหน้าไม่ใช่หรือไง? ไม่งั้นฉันก็ให้มิลินท์เข้าไปพักบ้านนายและเซอร์ไพรส์นายก็ได้ อย่าลืมล่ะว่าพ่อแม่นายชอบมิลินท์มากขนาดไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน