“อร นฤเบศวร์มีบาดแผลที่แขน ถ้าหากเขาไปหาแกอีก ตอนเที่ยงให้เขากลับมากินข้าวพร้อมกันกับแกนะ”
คุณปู่ชรัณเปลี่ยนท่าทีเร็วมาก
กนกอรอดไม่ได้พูดออกมาประโยคหนึ่งแล้ว : “คุณปู่ เขาแค่ช่วยเปลี่ยนไฟรายทางให้ทั้งซอยแค่นั้นเอง ก็ซื้อใจของปู่ได้แล้วเหรอ”
“ปู่ไม่ได้มองว่าเขาร่ำรวยมีอำนาจ เห็นว่าเขามีความจริงใจกับแก และก็ใส่ใจรายละเอียด เขาคิดถึงปัญหานี้ได้และแก้ไขมัน ทำประโยชน์ให้ตัวเองและผู้อื่นด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาแคร์แก ถ้าหากเขาไม่แคร์แก ไม่มีทางคิดถึงปัญหานี้ได้”
“เดิมทีแกก็ให้โอกาสเขาตามจีบแกแล้ว ปู่ก็แค่ทำตามความรู้สึกของแก”
คำพูดของคุณปู่ชรัณทำให้กนกอรหมดคำที่จะพูด
ท่าทีที่เธอปฏิบัติต่อนฤเบศวร์ก็คือท่าทีที่คนในบ้านปฏิบัติต่อเขา
“ตอนเที่ยงฉันส่งอาหารจากข้างนอกมาทานตลอด ช่วยสั่งให้เขาสักชุดก็ได้แล้ว”
“กลับมาทาน สั่งอาหารจากข้างนอกมาไม่มีความจริงใจ อีกอย่างเขาได้รับบาดเจ็บ จะกินอาหารมั่วซั่วไม่ได้ จะมีผลกระทบต่อการฟื้นฟูของบาดแผล”
กนกอรเปลี่ยนความคิดของคุณปู่ไม่ได้ ทำได้เพียงตอบรับ
หลังจากสิ้นสุดการโทร กนกอรรู้สึกหดหู่ก่อน หลังจากนั้นก็แอบยิ้มแล้ว
คำพูดของคุณปู่มีเหตุผล
นฤเบศวร์เป้นคยรอบคอบมาก
เจอปัญหาก็แก้ไขปัญหา
“แอบยิ้มอะไรเหรอ?”
เทวิกาเดินเข้ามา ยิ้มถามเพื่อนรักหนึ่งประโยค พูดทันทีว่า : “ฉันเตรียมที่จะซื้อกับข้าวทำอาหาร กลางวันอยากทานอะไร?”
“ปู่ของฉันเพิ่งจะโทรมาหาฉัน เที่ยงนี้ให้ฉันกลับไปทานข้าวที่บ้าน”
กนกอรดูดอกไม้ช่อนั้น ยิ้มมุมปาก “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน วันนี้แบตบอสก็ได้จัดการส่งคนมาเปลี่ยนไฟรายทางใหม่ทั้งซอยแล้ว คุณปู่ของฉันให้ฉันพาเขากลับไปทางข้าวที่บ้าน”
“ตามเหตุผลแล้วควรเป็นเช่นนี้”
เทวิการหยอกล้อเพื่อนสนิท : “ดูมุมปากของเธอสิยิ้มจนหุบไม่ได้แล้ว ในใจหวานซึ้งดั่งน้ำผึ้งสินะ”
“ขอเพียงแค่ไม่คิดถึงคนในครอบครัวของเขา คบหากับเขา สบายๆมาก มีความสุขมากจริงๆ”
“ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถอะ สักวันหนึ่ง พวกเขาจะต้องรู้ความดีของแก เพื่อนของเทวิกาดีที่สุดแล้ว นฤเบศวร์ชอบแก ถือว่าเขาวิสัยทัศน์ที่ดี”
“วิกา แกค่อนข้างคุยโอ้อวดไปหน่อยนะ”
“นี่เป็นเรื่องจริง เพื่อนสนิทของฉันไม่ใช่คนที่ดีที่สุดงั้นเหรอ?”
กนกอรหัวเราะฮ่าๆ เธอเป็นเพื่อนสนิทของวิกา จะพูดว่าตัวเองไม่ดีไม่ได้
“แต่ว่า แกเคยคิดบ้างไหมว่าเรื่องโจรปล้นนั่นเป็นฝีมือของนฤเบศวร์?”
เทวิกาพูดประโยคเดียวก็ทำให้รอยยิ้มของกนกอรยิ้มชะงักแล้ว
เธอจับจ้องมองไปที่เพื่อนสนิท
เทวิกาแลบลิ้นอย่างขี้เล่น พูดอย่างเขินอายว่า : “กนกอร ฉันไม่ได้จงใจใส่ความนฤเบศวร์ ว่าเป็นโรคที่เกิดจากการทำงาน คิดเยอะ ถึงยังไงฉากน้ำเน่าเช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นในนิยายของฉัน”
กนกอร:“……ไม่รู้ว่าสองมองที่พวกแกใช้เขียนนิยายนี้ยาวขนาดไหน คิดมากขนาดนั้น”
“อยากให้คนครอบครัวฉันคนนั้นช่วยตรวจให้แกไหม?”
“ไม่ต้อง ฉันถามเขาเอง แม้ว่าเขาจะพูดโกหกแบบไม่ต้องมีฉบับบร่าง แต่สายตามักจะต่างกัน หลบหลีกสายตาอันเฉียบแหลมของฉันไม่ได้หรอกนะ”
กนกอรมั่นใจอย่างมาก
ถ้าหากว่านฤเบศวร์พูดโกหก เธอมองออกอย่างแน่นอน
“งั้นก็ได้ ฉันไปซื้ออาหาร”
เทวิกาเรียกผู้ชายของตัวเอง สองสามีภรรยาออกไปพร้อมกัน
พวกเขาเพิ่งจะไป นฤเบศวร์ก็ซื้อแจกันดอกไม้กลับมามากมายแล้ว คนที่ส่งของ ขนย้ายแจกันสวยๆเข้ามาทีละใบๆ กนกอรพูดกับนฤเบศวร์อย่างตกตะลึงว่า : “ซื้อมาแค่อันเดียวก็พอแล้ว คุณซื้อมาเยอะขนาดนี้ เอามาเป็นข้าวทานได้เหรอ”
“ไม่เยอะ แค่สามสิบเอ็ดใบเอง ส่งดอกไม้ให้คุณทุกวัน คุณก็เสียบในแจกันดอกไม้ มีเดือนที่ลงท้ายด้วยคมและเดือนลงท้ายด้วยยน เดือนที่ลงท้ายด้วยคมคือสามสิบเอ็ดวัน รอเสียบดอกไม้ในแจกันทุกอันแล้ว ค่อยสับเปลี่ยนใหม่”
กนกอร:“……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน