ยศพัฒน์พูดกำชับขึ้นว่า “ช่วยไปตรวจสอบดี ๆ ให้ฉัน ห้ามปล่อยผ่านไปแม้แต่เศษเสี้ยวนิดเดียว ไม่ว่าใครที่อยากลงมือกับวิกาของฉัน ฉันจะไม่มีทางปล่อยพวกมันไว้แน่!”
“เรื่องที่เจ้านายสั่งมา ผมจะต้องไปทำให้ดีแน่นอน เพียงแต่ว่า เจ้านายครับ คุณพูดคำว่าวิกาของคุณไปคำแล้วคำเล่า คำพูดนี้พอหูของผมได้ยิน มันก็ทิ่มแทงโดนใจชายโสดดวงนี้ของผมมากเลยครับ”
พอเหล่ตามองอินทัชไปสองที ยศพัฒน์ก็หลุดขำแล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่ได้ไปยุ่งชีวิตส่วนตัวของนายสักหน่อย ถ้าอิจฉา นายก็ไปหาผู้หญิงดี ๆ สักคนมีความรักที่ร้อนแรงสักครั้ง ในบริษัทเราก็มีสาวสวยที่ชอบนายอยู่มากมาย จะให้ฉันช่วยเป็นพ่อสื่อให้นายไหมล่ะ?”
พอได้ยินแบบนี้ อินทัชก็รีบยกธงขาวยอมแพ้ทันที
“ช่างเถอะครับ ผมไม่อยากไปแส่หาเรื่องวุ่นวายจากผู้หญิง ผู้หญิงบางอย่างพอเข้าไปยุ่งแล้วก็สลัดไม่หลุดด้วยนะครับ”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคำพูดนี้นายเหมือนกำลังว่าฉันอยู่เลย”
“ถ้าเจ้านายจะคิดแบบนี้ ผมจะไปทำอะไรได้ละครับ? คู่ของเจ้านาย ผมหมายถึงคุณเปรมาคนนั้นเธอกลับประเทศมาแล้วนะครับ คาดว่าคงจะกลับมาเพราะเจ้านาย เจ้านายรีบจัดการเธอไปให้เร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเป็นผลเสียต่อคุณนาย”
ยศพัฒน์เงียบขรึมไปครู่หนึ่งแล้ว ก็พูดขึ้นมาว่า “วิกาไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะถูกคนอื่นรังแกได้ง่าย ๆ แล้วฉันก็ไม่มีทางปกป้องเธออยู่ตลอดเวลา เธอแต่งงานกับฉันแล้ว ยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับคนและเรื่องราวมากมาย เรื่องบางอย่างเธอต้องพึ่งตัวเอง”
“วิกาเองก็ไม่อยากให้ฉันคอยปกป้องอยู่ทุกวินาทีหรอก เธอเป็นผู้หญิงที่มีหัวคิดคนหนึ่ง”
อินทัชนึกถึงสถานะของเจ้านายตัวเอง แล้วก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเจ้านายแล้ว
“เจ้านายยังมีเรื่องอื่นอีกไหมครับ? ถ้าไม่มีแล้ว ผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ”
ยศพัฒน์เทน้ำอุ่นให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับอินทัชขึ้นว่า “กลับอะไรกลับ ไปประชุม”
อินทัช “……”
ใช่ซิ ช่วงสายวันนี้มีประชุมสำคัญอยู่สองรอบ
เขาที่เป็นหัวหน้าผู้ช่วยพิเศษคนนี้ จะขาดการประชุมได้ยังไง
……
ที่คฤหัสถ์เมเปิล
ยามคนหนึ่งถือจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ แล้วเดินมาทางชายชราที่ยังฝึกรำไทเก๊กอยู่
ชายชราตื่นขึ้นมาทุกเช้าแล้ว จะต้องมาฝึกรำไทเก๊กอยู่ที่สวนพักหนึ่ง ทุกครั้งที่เขาฝึกรำไทเก๊กนั้น หญิงชราก็จะรดน้ำให้ดอกไม้ในสวนดอกไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ และถอนหญ้า ที่จริงก็เพื่ออยู่เป็นเพื่อนชายชรา
สองสามีภรรยาสูงอายุคู่นี้ ตั้งแต่แต่งงานกันมา ก็รักกันดีมาตลอด จนตอนนี้ผมหงอกไปทั้งหัวแล้ว ความรักก็ยังมั่งคงเหมือนเดิม
และเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสองสามีภรรยา ผู้ชายในตระกูลอริยชัยกุลล้วนชอบเอาใจภรรยาทั้งนั้น
ยามยืนมองอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าเข้าไปรบกวนชายชราฝึกฝน
“ทำไมเหรอ?”
หญิงชรามองเห็นในมือยามถือจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง ก็วางบัวรดน้ำลงแล้วเดินมาหา และถามอย่างอ่อนโยนขึ้น “เป็นจดหมายของคุณท่านเหรอ?”
“ใช่ครับ”
หญิงชราหันไปมองชายชราทีหนึ่ง แล้วพูดกับยามขึ้นว่า “เอาจดหมายมาให้ฉันเถอะ นายไปทำงานต่อไป”
ยามรีบใช้สองมือประคองจดหมายยื่นไปให้
พอหญิงชรารับจดหมายไปแล้ว ยามก็ถอยหลังไปสองก้าวแล้วก็หมุนตัวเดินย้อนกลับออกไป กลับไปตรงที่ทำงานของเขาเลย
หญิงชราถือจดหมายไว้แล้วเดินไปที่ศาลาที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วไปนั่งลงที่โต๊ะหินในศาลา
ด้านหน้าของซองจดหมายมีตัวหนังสือไม่กี่ตัวที่ใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์ออกมาติดอยู่
“คุณท่านภูธิป กรุณาเก็บไว้ดูเป็นการส่วนตัว”
หญิงชราลูบซองจดหมายเล็กน้อย แล้วรู้สึกว่าในซองจดหมายคือรูปถ่าย
เธอไม่ได้เปิดออกดู นี่เป็นของชายชรา รอให้ชายชรามาเปิดดูก่อน ถ้าเขาอยากให้เธอดู เธอค่อยดู
เป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี พวกเขาคอยรักษาความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายเสมอ เคารพอีกฝ่ายเสมอ และเชื่อใจอีกฝ่ายเสมอ
ไม่ถึงสองนาที คุณปู่ภูธิปก็เดินมาแล้ว
“อะไรเหรอ?”
เขามานั่งลงข้าง ๆ ภรรยา จากนั้นก็รวดถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“ฉันลองลูบดูแล้วน่าจะเป็นรูปถ่ายค่ะ คุณลองเปิดออกมายืนยันหน่อยว่าฉันเดาถูกหรือเปล่า”
คุณปู่ภูธิปยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ปกติคุณก็มักจะเดาถูกแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน